นราธิวาสยังอ่วมหนัก โรงเรียนกว่า 150 แห่ง ปิดต่อเนื่อง

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมาจนถึงช่วงเช้ามีฝนตกลงมาเป็นช่วงๆปกคลุมในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้มีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎร กลับมามีน้ำท่วมขังในจุดเดิมๆ อีกครั้ง แต่หนักสุดอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก และตากใบ โดยมีมวลน้ำป่าและปริมาณน้ำฝนได้ไหลลงมาสมทบลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก อย่างต่อเนื่อง ทำให้มีปริมาณน้ำท่วมขังสูงกว่าตลิ่งของแม่น้ำสุไหงโก-ลก โดยอยู่ที่ระดับ 2.42 เมตร และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเหมือนในวันที่ 18 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเป็นวันที่มีน้ำท่วมขังหนักสุดในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมีปริมาณน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำสุไหงโก-ลก ถึง 2.78 เมตร
และผลพวงดังกล่าวส่งผลทำให้ 3 หมู่บ้าน ในพื้นที่ ต.นานาค อ.ตากใบ ที่มวลน้ำในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ไหลระบายลงสู่ปากอ่าว ด้าน อ.ตากใบ มีระดับน้ำท่วมขังสูงขึ้นเช่นกัน คือ บ้านแฆแบ๊ะ ม.1 บ้านตาเซ๊ะ ม.2 และบ้านกัวลอต๊ะ ม.3 ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกสร้างบ้านเรือนอยู่ที่บริเวณแนวริมตลิ่ง โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังสูง 50 - 80 ซ.ม. ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเต็นท์ไปกางไว้บนถนน เพื่อให้ราษฎรได้ใช้เป็นสถานที่อาศัยชั่วคราว

นอกจากนี้ผลพวงของสภาวะฝนที่ตกลงมายังส่งผลทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายบุรีบางจุด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.รือเสาะ มีสภาวะน้ำล้นตลิ่งเป็นบางจุดอีกครั้ง จนถนนสายหลักรถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ คือ ที่บริเวณบ้านท่าเรือ ม.5 ต.รือเสาะ ซึ่งมีระดับน้ำท่วมขังสูง 90 ซ.ม. แต่อย่างไรก็ตามสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ ยังมีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานพื้นที่การประถมศึกษาทั้ง 3 เขต จำนวนกว่า 150 โรง ซึ่งประกาศปิดการเรียนการสอนตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา ยังคงปิดการเรียนการสอนต่อเนื่อง
ด้าน พล.ต.นพวงศ์ สุรวิชัย รองแม่ทัพภาค 4 ได้เดินทางมาเยี่ยมผู้อพยพจากพื้นที่ 8 ชุมชน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จำนวน 88 ครัวเรือน รวม 373 คน ที่มาอาศัยอยู่ชั่วคราวที่โรงเรียนเทศบาล 4 พร้อมทั้งได้นำข้าวสารอาหารแห้งมาเยี่ยมปลอบขวัญ และพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วม ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มมีความเบื่อหน่าย และเป็นห่วงบ้านเรือนและทรัพย์สินที่ถูกน้ำท่วมขังเสียหาย เนื่องจากสภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ถือว่านานกว่าในปีที่ผ่านมา