วันที่ 17 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าแปลงนาที่ต้นข้าวกำลังออกรวงถึงเวลาเก็บเกี่ยวที่มองสุดลูกหูลูกตาแปลงนี้ พื้นที่ตำบลวังกะพี้ อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นแปลงนาของ น.ส.จิรวัฒน์ คุ้มอักษร ชาวนามือใหม่หรือรุ่นใหม่ ที่ไม่ลืมรากเหง้าบรรพบุรุษของตัวเอง ยอมทิ้งงานและตำแหน่งงานบริษัทเอกชนที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับมาพลิกที่นา อันเป็นมรดกของพ่อแม่ 50 ไร่ ปลูกข้าวปลอดสาร ด้วยคงความเป็นชาวนากระดูกสันหลังของชาติ ทำนาแบบดั้งเดิม รายล้อมด้วยแปลงนากว่าหมื่นไร่ ที่ใช้วิธีการสมัยใหม่ ทำนาขายข้าวให้โรงสีหรือรอนโยบายจากส่วนกลาง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เป็นวันเก็บเกี่ยวข้าวในแปลง น.ส.จิรวัฒน์ ซึ่งชักชวนพ่อแม่ ญาติพี่น้อง มาร่วมลงแขกเกี่ยวข้าว เป็นการฟื้นประเพณีลงแขกเกี่ยวของชาวนาไทย ด้วยการนำดอกไม้ ธูปเทียน ขอขมาพระแม่ธรณี เจ้าที่และเทพเทวดาที่ปกปักษ์รักษาตลอดฤดูกาลทำนาปี ก่อนจะร่วมลงแขกเกี่ยวข้าว ด้วยความสนุกสนาน ทำให้ญาติพี่น้องต่างนึกถึงภาพความหลัง เกี่ยวข้าวไปด้วยพูดคุยถึงอดีตที่ทำนาแบบดั้งเดิม
น.ส.จิรวัฒน์ กล่าวว่า ตัดสินใจลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ สาเหตุเนื่องจากพ่อแม่ทำนาไม่ไหว และข้าวราคาไม่สู้ดีนัก ตนจึงตัดสินใจหันมาทำนาปลอดสาร แยกเป็นปลูกข้าวไรเบอร์รี่ 10 ไร่ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ 40 ไร่ ปรับสภาพดินด้วยมูลสัตว์ ไม่เผาตอซังข้าว ลงแขกดำนา ขยันมาตรวจแปลงนา ดูศัตรูข้าว ตลอด 4 เดือน และร่วมลงแขกเกี่ยวข้าว ถึงจะช้ากว่าการใช้รถดูด แต่ทำให้มีความสุข
สำหรับข้าวที่ได้ตนนำมาสี คัดเม็ดข้าวและบรรจุถุง ใช้ชื่อว่า "Riceberry For The Word" หรือข้าวสำหรับคนทั้งโลก และประชาสัมพันธ์ขายทางอินเตอร์เน็ต ระยะแรกเน้นกลุ่มเพื่อน ชักชวนให้หันมารับประทานข้าวปลอดสาร เพื่อสุขภาพ โดยจำหน่ายกิโลกรัมละ 70 บาท ซึ่งข้าวให้ผลผลิต 700 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้มีขายข้าวได้ไร่ละกว่า 4 หมื่นบาท สำหรับข้าวที่เก็บเกี่ยวไปก่อนหน้านี้ขายหมดแล้ว ยังคงเหลือที่เก็บเกี่ยววันนี้ นับเป็นการเริ่มต้นที่สร้างความสุขให้กับครอบครัวชาวนาของตัวเองอย่างแท้จริง และอยากให้ชาวนาลองจัดแปลงนาเพียงบางส่วนมาทำข้าวปลอดสาร เพื่อสุขภาพ เปิดตลอดสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ต่อไป