svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ผู้ป่วยเอดส์ ยังถูกตีตรา-รังเกียจ

27 พฤศจิกายน 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์เผย แม้สถานการณ์การเข้าถึงยาเอดส์จะดีขึ้นเพราะผู้ป่วยส่วนใหญ่ได้รับยาเอดส์ ซึ่งหากรับติดต่อกันนาน 10ปีมีแนวโน้มจะหายไปโรคได้ แต่ปัญหาใหญ่ของสังคมคือการตีตราผู้ป่วยจากความไม่เข้าใจยังคงมีอยู่จำนวนมาก

ใกล้ถึงวันที่ 1 ธันวาคม ของทุกปีองค์การอนามัยโลกกำหนดให้เป็นวันเอดส์โลก ซึ่งสถานการณ์ในประเทศไทยมีผู้ป่วยเอดส์มียอดสะสมประมาณ 1.1 ล้านราย รวมทั้งผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งมีผู้ป่วยอยู่ในระบบการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวีเพียง 376,690 ราย ส่วนประมาณ 700,000 รายยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส อาจเป็นเพราะไม่รู้ว่าตนเองติดเชื้อ ซึ่งทำให้มีโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้บางกลุ่มจะเข้ามาตรวจเลือด แต่กลับไม่ยอมฟังผลกว่าร้อยละ 30
อย่างไรก็ตามสถานการณ์การเข้าถึงยาดีขึ้น แต่สังคมยังเข้าใจผู้ติดเชื้อไม่มากนักยังคงมีการตีตราและกีดกันผู้ติดเชื้ออยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับข่าวดีสำหรับผู้ติดเชื้อเอดศ์ หลังจากทานยาต้านไวรัสเอดส์ต่อเนื่องนานกว่า 10 ปี ทำให้เชื้อเอดส์ในร่างกายลดลงได้และหายได้
ตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอดส์ประเทศไทย นายกมล อุปแก้ว บอกว่า เขาเป็นผู้ติดเชื้อเอดส์ที่ทานยาต้านไวรัสมาต่อเนื่องกว่า 10 ปี ซึ่งผลปรากฏว่าตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา ผลการตรวจเลือดไม่พบเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือดเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ยังไม่หยุดกิน เพราะกลัวว่าถ้าหยุดแล้วเชื้อเอชไอวีจะกลับมาอีก
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่รับยาต้านเอดส์แล้วหายดี จากการพูดคุยกับผู้ป่วยคนอื่น ๆ กว่า 100 คน ที่ทานยาต่อเนื่องกว่า 10 ปี เช่นกัน ก็พบว่าพวกเขาหายจากเอดส์ กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้
ด้านนายแพทย์ทวีทรัพย์ ศิรประภาศิริ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ บอกว่า ผู้ที่ทานยาต้านเอดส์ต่อเนื่องเป็น 10 ปีแล้วตรวจไม่พบเชื้อนั้น แม้เชื้อเอดส์จะหายไปจริง แต่ก็อาจจะซ่อนอยู่ในเซลล์สมอง ไขกระดูก และอาจกลับมาเป็นเอดส์ใหม่หลังหยุดยาก็เป็นได้ จึงไม่ควรหยุดยา

logoline