ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ บอกว่าในช่วงฤดูหนาว ประชาชนมักนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในป่า เนื่องจากมีอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะโรคสครับไทฟัส (Scrub typhus) หรือไข้รากสาดใหญ่
ซึ่งเกิดจากการถูกตัวไรอ่อนกัด บริเวณในร่มผ้า เช่นขาหนีบ เอว ลำตัว รักแร้ หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว ตาแดง ปวดกระบอกตา ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 50 จะพบแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้ บริเวณที่ถูกไรอ่อนกัดจะมีสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน แม้บางรายอาจหายได้เอง แต่บางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ พบประมาณ 1 ใน 5 เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ ทำให้เสียชีวิตได้
สำหรับปีนี้ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ 1 มกราคม 2557 - 16 พฤศจิกายน 2557 ทั่วประเทศ มีรายงานผู้ป่วย 8,000 ราย เสียชีวิต 5 ราย ภาคเหนือมีผู้ป่วยมากที่สุด 3,013 ราย รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2,461 ราย ผู้ป่วยเกือบร้อยละ 90 อาศัยในเขตชนบทและป่าเขา โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่มียารักษาให้หายได้
ในการป้องกันโรคนี้ หากท่องเที่ยวตั้งแคมป์ไฟ กางเต๊นท์นอนในป่า ควรทำบริเวณค่ายพักให้โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่งและนอนบนพื้นหญ้า บริเวณพุ่มไม้ ป่าละเมาะ และภายหลังจากกลับจากเที่ยวป่าหรือกางเต็นท์นอนตามสนามหญ้า ภายใน 2 สัปดาห์หากป่วย มีไข้ขึ้นสูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ หรือตรวจพบสะเก็ดแผลที่มีรอยไหม้คล้ายถูกบุหรี่จี้ที่ผิวหนัง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที