เซอร์ ริชาร์ด ปีโต นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการเสียชีวิตในวัยกลางคน มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ สาเหตุหลักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ภาวะน้ำหนักเกิน การติดเชื้อ HIV และปัญหาความรุนแรง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ นำไปสู่การป่วยเป็นกลุ่มโรค NCDs โดยจากสถิติที่ผ่านมา พบว่าอัตราการตายก่อนอายุ 70 ปี เพิ่มขึ้นกว่าครึ่ง ซึ่ง หมายความว่าปัจจุบันมีผู้คนเสียชีวิตก่อนวัยอันสมควรเพิ่มขึ้น
ขณะที่สถานการณ์ในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ และการสูบบุหรี่-ดื่มสุรา รวมทั้งการติดเชื้อHIV ทำให้อัตราเสียชีวิตวัยกลางคน ในประเทศไทยพุ่งสูงขึ้น
ขณะที่ นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กลุ่มโรค NCDs เป็นสาเหตุการเสียชีวิต สูงถึง 1 ใน 3 โดยมีแนวโน้มความรุนแรงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมด้วย โดยในแต่ละปีรัฐต้องแบกรับต้นทุนที่เกิดจากกลุ่มโรค NCDs สูงกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี
ดังนั้นเพื่อลดอัตราการเกิดโรค กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งทบทวนและปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง รวมถึงกระตุ้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันจะยกร่างแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ จากการประเมินความสูญเสียทางเศรษฐกิจ จากโรค NCDs เฉพาะ 4 กลุ่มโรคหลัก คือ โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรัง และโรคเบาหวาน ในปี 2552 พบว่ามีมูลค่าสูงถึง 1.9 แสนล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ 2.2 ของจีดีพี หรือประมาณ 3,128 บาทต่อหัวประชากร