svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เมียโร่ร้องผัวเป็นสายตำรวจถูกนักโทษคดียาบ้าซ้อมตายคาเรือนจำ

31 ตุลาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 30 ต.ค. น.ส.รุ่งภัสสรณ์ ดำรงไทยเจริญ อายุ 36 ปี อาชีพแม่บ้าน เข้าร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า สามีของตนคือ นายชื่นพันธ์ หรือปุ้ย มาบางครุ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/81 ซ.พระยาสุเรนทร์ 2 แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. ได้ถูกนักโทษรุมทำร้ายจนเสียชีวิตภายในเรือนจำพิเศษมีนบุรี เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ที่ผ่านมา

ภายหลังจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจปฎิบัติการพิเศษ(191) จับกุมในข้อหาครอบครองยาบ้า 2 เม็ด และพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต ที่บริเวณปากซอยสวนสยาม 24 (ทางเข้า สน.บางชัน) ถนนสวนสยาม แขวงและเขตคันนายาว กทม. ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ดำเนินคดีเมื่อวันที่ 26 ต.ค. จึงเดินทางไปตรวจสอบที่ศาลาบัวรุ่ง วัดบางชัน ผู้สื่อข่าวพบ น.ส.รุ่งภัสสรณ์ และครอบครัวกำลังช่วยกันจัดพิธีรดน้ำศพนายชื่นพันธ์ ท่ามกลางบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
โดย น.ส.รุ่งภัสสรณ์ เปิดเผยว่า ตนกับสามีอยู่กินด้วยกันโดยที่ไม่ได้แต่งงานมานาน 18 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน โดยสามีทำงานเป็นสายให้กับตำรวจ สน.บางชัน มานานประมาณ 4 ปีแล้ว ทุกครั้งที่ผ่านมาก็ช่วยเหลืองานเจ้าหน้าที่มาตลอด ทั้งล่อซื้อยาเสพติด ช่วยหาข่าว ช่วยทุกๆอย่างเท่าที่ทำได้ ซึ่งบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็ให้เงินเป็นสินน้ำใจที่ช่วยงานตำรวจ
โดยฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ขัดสนอะไร แต่ด้วยที่สามีชื่นชอบอยากช่วยเจ้าหน้าที่ ตนจึงไม่ได้ห้ามปราม ปล่อยให้สามีทำไป จนกระทั่งเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ตนได้รับโทรศัพท์จากสามีตอนประมาณ 3 ทุ่ม ว่าถูกตำรวจ 191 จับกุมข้อหา ครอบครองยาบ้า 2 เม็ด และพกพาอาวุธปืนปากกา อยู่ที่ สน.บางชัน จากนั้นก็วางสายไป
น.ส.รุ่งภัสสรณ์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนจึงรีบเดินทางไปดูสามี แต่ระหว่างนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 พาสามีเข้ามาค้นที่บ้านเจอปืนอีก 1 กระบอก ซึ่งเป็นปืนที่สามีเอาไว้ป้องกันตัว เพราะเนื่องจากเป็นสายข่าวจึงทำให้มีคนคิดจะปองร้ายเยอะ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวสามีไปดำเนินคดีที่ สน.บางชัน ตนพร้อมพี่สาวของสามีจึงได้นำเงินสด 1 แสนบาท เดินทางไปยื่นขอประกันตัวกับทางพนักงานสอบสวน สน.บางชัน แต่เจ้าหน้าที่ได้คัดค้านการประกันตัว ก่อนให้คำแนะนำให้ไปประกันตัวที่ศาลจังหวัดมีนบุรี หลังจากนั้นสามีก็ถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี
น.ส.รุ่งภัสสรณ์ กล่าวอีกว่า จากนั้นวันที่ 28 ต.ค. ตนได้ไปยื่นขอประกันตัวสามีโดยนำเงินสดไปอีก 2 แสนบาท แต่ทางศาลไม่อนุญาตให้ประกัน โดยให้เหตุผลเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จนตอนนี้ตนรู้สึกไม่ดีแล้วเพราะเกรงว่าถ้าหากเข้าไปในเรือนจำจะต้องถูกทำร้ายอย่างแน่นอน เพราะมีนักโทษที่เคยถูกสามีเป็นสายล่อซื้อยาบ้าให้ถูกคุมขังอยู่เช่นเดียวกัน
ต่อมาในวันที่ 29 ต.ค. ตนได้เดินทางไปเยี่ยมสามีที่เรือนจำ เมื่อพบสามีถามตนว่า เรื่องประกันตัวไปถึงไหนแล้ว ตอนนี้ถูกขังอยู่ในแดน 6 ให้รีบหน่อย เพราะมีนักโทษเดินมาวนเวียนดูหน้าตนประมาณ 30-40 คนแล้ว โดยตนพยายามพูดปลอบใจกับสามี และบอกว่าให้ไปแจ้งกับผู้คุมไว้ก่อน
"ตอนนั้นสังเกตุแววตาของสามีมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด กระทั่งเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ก็มีสายจากเจ้าหน้าที่เรือนจำโทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้สามีถูกทำร้ายเสียชีวิตแล้ว ขอให้มาดูศพ หลังจากได้ยินข่าวก็รู้สึกช็อคมากทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะบอกลูกอย่างไร เมื่อตั้งสติได้จึงมาดูศพสามีที่เรือนจำ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าไปข้างใน
แต่ได้ให้ญาติที่เป็นผู้ชายเดินเข้าไปดู ก็พบศพสามีนอนเสียชีวิตอยู่ภายในโรงนอนแดน 6 โดยมีผ้าห่มคลุมร่างไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งมายัง สน.มีนบุรี เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ ซึ่งตอนนั้นเองทำให้เห็นว่า ที่ลำตัวของสามีเป็นรอยเขียวช้ำไปทั้งตัว ก่อนเจ้าหน้าที่จะส่งศพไปชันสูตรที่นิติเวช รพ.ตำรวจ" น.ส.รุ่งภัสสรณ์
น.ส.รุ่งภัสสรณ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้( 30 ต.ค.) ตนได้รับผลชันสูตรจากนิติเวชแล้ว โดยแพทย์ระบุสาเหตุการตายไว้ว่า ระบบหายใจล้มเหลว ซี่โครงทั้งสองด้านหัก ตับแตกจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก จากนั้นตนจึงเดินทางเข้าพบ ผบ.เรือนจำพิเศษมีนบุรี เพื่อขอทราบสาเหตุของรื่องดังกล่าว
โดย ผบ.เรือนจำ ระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนแล้ว เบื้องต้นมีนักโทษที่ถูกคุมขังในห้องเดียวกัน 6 คน รับสารภาพแล้วว่าได้ทำร้ายสามีตนจริง และทางเรือนจำพิเศษมีนบุรี จะขอเดินทางมาเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมศพในวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.)
"อยากวิงวอนให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องให้เร่งหาตัวผู้ที่ทำร้ายสามีมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมด เพราะเชื่อว่าน่าจะมีมากกว่านี้อย่างแน่นอน ที่ผ่านมาทางสามีก็ช่วยเหลืองานตำรวจมาโดยตลอด แต่กลับต้องพบจุดจบเช่นนี้ ต่อไปคงไม่มีใครอยากเป็นสายให้กับตำรวจอีกแน่ โดยจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่มีการยอมความใดๆทั้งสิ้น และถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็จะเดินทางไปร้องเรียนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.แน่นอน" น.ส.รุ่งภัสสรณ์ กล่าว

logoline