จากกรณีที่ทางการไทยได้ช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปทำงานประเทศอินโดนีเชียส่งกลับประเทศแล้ว 6 คนนั้น นางเบ้า กะการดี อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/2 ม.4 ต.หนองแวง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ พี่สาวของนายไสว แสวงทรัพย์ อายุ 35 ปี พร้อมญาติได้ออกมาเรียกร้องให้ทางรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งให้การช่วยเหลือ นายไสว แสวงทรัพย์ น้องชาย ที่ถูกหลอกไปขายแรงงานบนเรือประมงในน่านน้ำประเทศอินโดนีเซีย มานานกว่า 5 ปี มีการกดขี่แรงงานอย่างทารุณ
"ครอบครัววิตกว่า นายไสวจะได้รับอันตราย จึงวอนขอให้ทางกระทรวงแรงงานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกงสุลไทย ได้เร่งประสานให้ความช่วยเหลือนำตัวน้องชาย เดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.บุรีรัมย์ด้วย เพราะทราบข่าวว่าขณะนี้น้องชายยังมีชีวิตอยู่ พร้อมร้องขอให้ทางภาครัฐได้ดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มกระบวนการที่หลอกลวงอย่างเด็ดขาดด้วย" นางเบ้ากล่าว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า จ.บุรีรัมย์ มีแรงงานที่ถูกไปขายแรงงานทาสยังน่านน้ำอินโดนีเซีย 2 คน คือ นายไสว แสวงทรัพย์ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.หนองแวง อ.ละหานทราย และนายบุญ ธรรม เจริญศรี เป็นชาว ต.โคกเขา อ.ปะคำ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือเดินในการเดินทางกลับมาแต่อย่างใด
นางเบ้า บอกอีกว่า หากทางการสามารถช่วยเหลือน้องชายกลับมาได้อย่างปลอดภัย สิ่งแรกที่ครอบครัวและญาติจะทำคือ ทำบุญรับขวัญนายไสว หลังจากที่ต้องไปประสบชะตากรรมลำบากอยู่ต่างแดน และจะไม่ให้น้องชายไปทำงานรับจ้างยังต่างจังหวัดอีก เพราะเกรงจะถูกหลอกโดยจะหางานใกล้หมู่บ้านให้น้องชายทำ เพื่อจะได้ช่วยเหลือดูแลกันได้ เพราะพ่อแม่ก็เสียชีวิตไปแล้ว เหลือเพียงพี่น้อง 5 คนเท่านั้น หากช่วยเหลือน้องชายกลับมายังบ้านเกิดได้ ก็อยากเรียกร้องให้ทางภาครัฐได้ช่วยเหลือติดตามเงินจากนายจ้าง เพื่อมาเป็นทุนประกอบอาชีพ หรือให้รัฐช่วยหาตำแหน่งงานว่างให้น้องชายได้มีงานทำเพื่อเลี้ยงตัวเองได้