svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

คลองมะเดื่อ.... ในบาดแผลจากออฟโรด

01 ตุลาคม 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ชื่อเสียงของ"คลองมะเดื่อ" ในเขตหมู่ 1 ต.สาริกา อ.เมือง  จ.นครนายก กำลังเข้าสู่จุดสูงสูด ทันที  เมื่อผลการหารือของคณะทำงานของจังหวัดนครนายก ที่มีตัวแทนฝ่ายความมั่นคงเป็นประธาน   ในวันอังคารที่ 30 ก.ย. เห็นชอบให้มีการใช้มาตรการสกัดกั้นพื้นที่ เพื่อไม่ให้รถขับเคลื่อนแบบยกสูง 4 ล้อ หรือออฟโรดเข้ามาในพื้นที่อย่างเด็ดขาด  เป็นการนำเอารูปแบบการควบคุมพื้นที่ ซึ่งเคยใช้กับจ.กาญจนบุรี  มาแล้ว    นำมาเป็นแนวทางบริหารจัดการพื้นที่ โดยจากนี้ไปจะมีการตั้งด่านบริเวณถนนหลวง  ในจุดที่จะเป็นเส้นทางเข้าสู่คลองมะเดื่อ 
น้ำตกคลองมะเดื่อ เป็นต้นน้ำของน้ำตกวังตะไคร้  ผ่านลำน้ำจากคลองมะเดื่อ โดยเส้นทางน้ำหลักอยู่ที่  บริเวณบ้านดง หมู่ที่ 1 ต.สาริกา  อ. เมือง  จ.นครนายก จากนั้นจึงไปหลอมรวมกับลำน้ำสายต่างๆ เป็น"ลุ่มน้ำนครนายก "ซึ่งต้นน้ำอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่    สำหรับคลองมะเดื่อ อยู่ในแนวเขตของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่  ในอดีตมีชาวบ้านเข้าไปจับจองที่ดินเพื่อทำกินอยู่บ้าง  กระทั่งในปี 2508 ที่เป็นการเริ่มต้นเข้าไปทำประโยชน์อย่างแท้จริง   เมื่อมีชาวญี่ปุ่นเข้าไปกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านซึ่งบางแปลงมีเอกสารสิทธิ์  และไม่มีเอกสารสิทธิ์  ด้วยเป้าหมายที่ต้องการนำไปทำสนามกอล์ฟ  และสามารถรวบรวมแปลงพื้นที่ได้ทั้งหมดในปี 2514 ต่อมากิจการสนามกอล์ฟที่ชาวญี่ปุ่นรายนี้ถือครองไม่ประสบความสำเร็จ  จึงหันไปสู่การทำไร่กาแฟ  แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน  ที่ดินแปลงนี้ที่มีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ จึงถูกเปลี่ยนการทำประโยชน์  ไปสู่การทำฟาร์มเลี้ยงวัว และโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อวัวเพื่อส่งออก  ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นได้ร่วมทุนกับนักลงทุนไทย จัดตั้งบริษัทขึ้นมาทำการกว้านซื้อที่จากชาวบ้านจนได้เนื้อที่รวม 600  ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่คลอง 1 คลอง 2 คลอง 3 ไป  ของลำน้ำ จนติดกับเนินเขาในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อีกด้วย แต่โครงการถูกต่อต้านจากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งอยู่ท้ายน้ำ  จนมีคำสั่งจากทางราชการห้ามไม่ให้มีการทำฟาร์มและโรงงานอย่างเด็ดขาด ขณะที่กิจการไร่กาแฟ ที่เป็นฐานเดิมของผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่น ไม่ประสบความสำเร็จ  ทำให้ในปี 2540  การประสบภาวะขาดทุนอย่างรุนแรง ทำให้นักลงทุนญี่ปุ่นรายนี้ ไม่สามารถที่จะสานต่อการทำประโยชน์ได้ ประกอบกับภาวะหนี้สินของบริษัทที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก   จึงทำให้ถูกฟ้องล้มละลาย ทำให้กองบังคับคดีเข้ามาทำการพิทักษ์ทรัพย์ และที่ดินในบริเวณนี้ ก็มาอยู่ในสภาพที่เป็นช่องว่างไม่มีผู้ทำประโยชน์ และเป็นจังหวะให้กลุ่มชาวบ้านที่ขายที่ดินให้ผู้ลงทุนชาวญี่ปุ่นไปก่อนหน้านี้  กลับเข้าไปบจองพื้นที่ดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ด้านการถูกนำมาใช้ประโยชน์กับกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบรถออฟโรด  "คลองมะเดื่อ"ถูกค้นพบว่าเป็นพื้นที่ซึ่งเหมาะต่อการนำรถเข้าไปท่องเที่ยวแบบสัมผัสธรรมชาติ ในปี 2548 โดยกลุ่มผู้ใช้รถออฟโรดกลุ่มหนึ่ง ที่มีอดีตนายตำรวจที่นิยมการขับขี่รถขับเคลื่อน  4 ล้อ  เป็นผู้นำทีมไปพบพื้นที่  จากนั้นก็มีการเล่าต่อกันไปยังกลุ่มออฟโรด ที่นิยมการเข้าไปพักผ่อนแบบสัมผัสธรรมชาติ ( แคมป์ปิ้ง) เสน่ห์ของคลองมะเดื่อในระยะแรกนั้น  อยู่ที่ความใสของน้ำในลำธารขนาดใหญ่  การเป็นแหล่งสัตว์น้ำ ใกล้สูญพันธ์ เช่น ปูหิน และกบภูเขา  ขณะเดียวกันด้วยการเป็นเขตรอยต่อก่อนจะเข้าป่าดงดิบ คลองมะเดื่อจึงถือเป็นจุดทดสอบความชอบของผู้นิยมธรรมชาติกลางป่า เพราะพื้นที่ยังไม่ใช่ป่าลึก หรือป่าดงดิบ มีพื้นที่ยังเป็นรอยต่อกับชุมชนอยู่บ้าง  ขาดเพียงน้ำประปา และไฟฟ้า ที่ยังไม่ถึงพื้นที่  จึงเหมาะสำหรับกลุ่มผู้ที่ต้องการสัมผัสและเข้าถึงความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
เมื่อมีกลุ่มออฟโรด  ซึ่งแน่นอนว่าเป็นกลุ่มคนที่มีฐานะทางการเงินเข้ามาในพื้นที่ความต้องการที่จะใช้พื้นที่เป็นของตนเอง เพื่อที่จะรองรับพวกพ้องจึงเป็นที่มาของการขอซื้อที่ดินจากชาวบ้านกลุ่มที่เข้าไปจับจองพื้นที่ (ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ์)  จากนั้นจึงนำไปก่อสร้างที่พัก รีสอร์ท หลายแห่ง   ตลอดลำน้ำคลองมะเดื่อ  ในระยะแรกนั้นการเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ของกลุ่มนิยมรถออฟโรด ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เพื่อเป็นแหล่งที่พัก แต่จากชื่อเสียงของคลองมะเดื่อ ที่รับรู้กันมากขึ้นสำหรับโลกภายนอกว่ามีความสวยงามทั้งยังเป็นป่าต้นน้ำชั้น 1  จึงแพร่กระจายไปสู่ผู้ที่นิยมการแคมป์ปิ้งอยู่กับธรรมชาติ อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในระยะ 2-3 ปี   มีนักท่องเที่ยวในกลุ่มชื่นชอบธรรมชาติเดินทางเข้าสู่คลองมะเดื่ออย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าการเข้ามาของนักท่องเที่ยวมีหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มที่ชื่นชอบธรรมชาติต้องการไปพักผ่อน  กับกลุ่มที่ต้องการใช้เป็นพื้นที่ในการทดสอบรถแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ  ต่อการที่จะฝ่าการเดินทางเข้าไปยังพื้นที่เป้าหมาย

logoline