การไม่สวมหมวกกันน็อค ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน และมีคนไทยบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ล่าสุดได้มีผลสำรวจของมูลนิธิไทยโรดส์พบว่าคนไทยมากกว่าร้อยละ 50 ไม่สวมหมวกกันน็อค
นี่คือเสียงสะท้อนจากผู้ขับขี่รถจักยานยนตร์รับจ้าง วินบิ๊กซีบางนา ที่เล่าถึงพฤติกรรมผู้โดยสารบางรายที่ไม่ยอมสวมหมวกกันน๊อค จนทำให้ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจับเสียค่าปรับถึง400บาท
ขณะที่พันตำรวจเอกวันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโครงการลดอุบัติเหตุทางถนน บอกว่าที่จ.พังงา ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เฉลี่ยถึงปีละ 98 คน ทำให้ต้องแก้ปัญหาโดยอบรมให้ความรู้แก่ประชาชน รวมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ รณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อค
สอดคล้องกับผลสำรวจของมูลนิธิไทยโรดส์ล่าสุดปี2556 ที่ระบุว่าผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์จำนวนกว่า 1 ล้าน 4 แสนคน ใน 77 จังหวัดสวมหมวกกันน๊อคเพียงร้อยละ 43 โดยแบ่งเป็นผู้ขับขี่ร้อยละ 51 ผู้โดยสารร้อยละ 19 และเมื่อแยกเป็นพื้นที่กลับพบว่าอัตราผู้สวมหมวกกันน๊อคในเขตเมืองมีสูงกว่าร้อยละ 70 ส่วนนอกเมืองเฉลี่ยร้อยละ 30 และเมื่อแยกเป็นกลุ่มอายุ พบว่ากลุ่มผู้ใหญ่สวมหมวกกันน๊อกร้อยละ 49 วัยรุ่นร้อยละ 23และเด็กเฉพาะผู้โดยสารมีเพียงร้อยละ 7 เท่านั้น ขณะที่ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษาสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ บอกว่าโดยเฉลี่ยในแต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตบนถนนกว่า 1 หมื่น 4 พันคน ซึ่งมากกว่าร้อยละ 50 เกิดจากรถจักรยานยนต์ และบาดเจ็บกว่า 9 แสนคน โดยในจำนวนนี้กว่า 3 แสนคนต้องทุพพลภาพ ซึ่งแม้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จากการรณรงค์ทำให้คนใส่หมวกกันน๊อคขยับขึ้นเป็นร้อยละ 43 จากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 20 แต่ก็ยังไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 50
สำหรับการแก้ปัญหาการไม่สวมหมวกกันน็อค ศ.นพ.อุดมศิลป์ยังแนะว่า ให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน โดยเฉพาะตำรวจต้องตั้งด่านให้มากขึ้น บังคับใช้กฎหมายและจับกุมอย่างจริงจัง รวมทั้งรณรงค์ให้ความรู้แก่ประชาชนไม่สวมหมวกกันน๊อคนั้นผิดกฎหมาย
ตลอดจนขอความร่วมมือให้หน่วยงานรัฐ เอกชนและสถานศึกษามีนโยบายให้รถจักรยานยนต์ที่เข้า-ออกสถานที่ต้องสวมหมวกกันน็อค นอกจากนี้ พ่อแม่ต้องปลูกฝังและเป็นแบบอย่างให้แก่ลูกเพื่อลดความสูญเสียชีวิตลงให้มากที่สุด