ร้อง คสช.มีมาเฟียทำลายถนนสาธารณะ

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่สโมสรนายทหาร ค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ พ.ต.สุรพล กิ่งแก้ว รักษาราชการแทนนายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน จังหวัดทหารบกอุตรดิตถ์ เดินทางมารับเรื่องร้องเรียนจาก นายบุญโชติ  เชื้อต่าย ราษฎรบ้านไร่ห้วยพี้ หมู่ 6 ต.ป่าคาย อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านจาก ต.ป่าคาย จำนวนหนึ่งที่เข้ามาร้องเรียนผ่านไปถึงหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากผู้มีอิทธิพลทุบทำลายถนนสาธารณะเชื่อมระหว่างหมู่บ้านพลังใหม่-บ้านดงช้างดี และหมู่บ้านไผ่ใหญ่-ถนนสาย 11 พิษณุโลก-อุตรดิตถ์ หลักกิโลเมตรที่ 308
โดยผู้มีอิทธิพลได้ทำการขุดรื้อถนนที่ชาวบ้านใช้สัญจรและขนส่งสินค้าเพื่อการเกษตรมานานกว่า 40 ปี และได้นำต้นไม้ยืนต้นมาปลูกแทน พร้อมจัดสรรแปลงให้ผู้อื่นเช่าทำการเกษตรเพื่อหาผลประโยชน์ โดยอ้างสิทธิการครอบครองว่าถนนสาธารณะดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของตนเอง ทำให้ชาวบ้านทั่วไปได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถนำสินค้าการเกษตรออกสู่ตลาดได้และไม่สามารถใช้ประโยชน์จากถนนสาธารณะนี้ได้อีกเช่นกัน
นายบุญโชติ บอกด้วยว่า ช่วงเปิดเทอมเด็กนักเรียนเดือดร้อนต้องไปใช้เส้นทางอื่นที่ไกลกว่า 10 กิโลเมตร การขนส่งพืชผลทางการเกษตรต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เพราะถนนสาธารณะดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดเพียง 300 เมตร และที่สำคัญถนนสายดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดงช้างดี แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่าง อบต.ป่าคาย, อำเภอทองสนขัน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุตรดิตถ์,และ สำนักงานที่ดินจังหวัดอุตรดิตถ์ ก็ไม่ดำเนินการอะไรให้
นายบุญโชติ  บอกอีกว่า เมื่อ 5ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านรวมตัวกันแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.พยุง  พุฒิชัย สารวัตรเวร สภ.ทองแสนขัน เพื่อดำเนินคดีกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ป่าคาย ข้อหาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติดงช้างดี  แต่เรื่องยังไม่มีความคืบหน้า และหวั่นอิทธพลครอบงำให้รูปคดีเปลี่ยนไป ส่งผลทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนเหมือนเดิม จึงเข้าร้องทุกข์กับ คสช.เพื่อขอความเป็นธรรมในการคืนพื้นที่ถนนสาธารณะและป่าสงวนดงช้างดีคืนให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้