ผู้ว่าฯนำกำลังตรวจคฤหาสน์-เจ้าของอ้างจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์

12.00 น. วันที่ 24 ก.ค.นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผวจ.ฉะเชิงเทรา ,พล.ต.ต.เชิดชาย เสขะนันท์ ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา, นายเดชา ใจยะ ปลัดจังหวัดฉะเชิงเทรา  ,พล.ต.พิชิต ฟูฟุ้ง ผบ.พล.ร.11    พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจและป่าไม้ สนธิกำลังเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 93 / 2 ม.2 ต.หมอนทอง อ.บางน้ำเปรี้ยว หลังสืบทราบว่าเป็นแหล่งเก็บไม้หวงห้ามเป็นจำนวนมาก
เมื่อไปถึงพบ นายทัศ หรือเดชา ศิลทรงธรรม อายุ 55 ปี เจ้าของบ้าน ได้นำพาเจ้าหน้าที่ตรวจสอบบ้านพักซึ่งปลูกเป็นคฤหาสน์หรู จำนวน 2 หลัง โดยหลังแรกซ้ายมือ ปลูกยกพื้นสูง ตัวบ้านกว้าง15 เมตร ยาว  30 เมตร ฝาบ้านด้านนอกทำด้วยไม้สักทองทั้งหมด ใต้ถุนพบไม้มะค่าแปรรูปขนาดใหญ่ จำนวน 8 แผ่น และไม้แปรรูปอีกกว่า 20 แผ่น บนชั้นสองของบ้าน ที่นอกชานหน้าบ้าน มีบานประตูบ้านทำด้วยไม้สักทองขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายประตูโบสถ์อีก 2 บาน 
ภายในพบอยู่ระหว่างการก่อสร้างเช่นกัน มีช่างไม้ทำงานอยู่ 3 คน โดยรอบฝาบ้านภายในทำด้วยไม้พะยูง พื้นบ้านทำด้วยไม้ประดู่ ตรงกลางบ้านพบโต๊ะไม้มะค่าขนาดความกว้าง 2 เมตร ยาว 4 เมตร หนา 6 นิ้ว จำนวน 3 ตัว กรอบวงกบประตูหน้าต่าง เป็นไม้สักทั้งหลัง เสาบ้านทั้ง 15 ต้น ทำด้วยไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ บางต้นขนาด 3 คนโอบ
ในส่วนของหลังที่ 2 ซึ่งอยู่ถัดไปด้านใน เป็นบ้าน 2 ชั้น ทรงคฤหาสน์หรู ซึ่งเสาบ้านทุกต้นเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ภายในตกแต่งด้วยไม้มะค่า พื้นเป็นไม้ประดู่แผ่นใหญ่ บานวงกบประตูทำด้วยไม้สัก นอกจากนี้ยังมีโต๊ะไม้มะค่าขนาดใหญ่พอๆกับที่พบในบ้านหลังแรก อีก 2 ตัว
ส่วนที่โรงเก็บของข้างบ้านพบไม้มะค่าแปรรูป ขนาดใหญ่อีกกว่า 10 ชิ้น ภายในโรงครัว มีโต๊ะไม้มะค่าขนาดใหญ่อีก 2 ตัว รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ทั้งโต๊ะเก้าอี้ ทำด้วยไม้มะค่า อีกจำนวนนับสิบๆรายการ จากนั้น เจ้าหน้าที่ ได้ตรวจสอบบริเวณลานดิน ข้างบ้านเลขที่ 93 / 9 บ้านอีกหลังหนึ่งของนายทัศ  ซึ่งอยู่ห่างไปราว 200 เมตร
มีไม้ขนาดใหญ่เหมือนท่อนซุงชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้ตะเคียนทอง ไม้ประดู่ และไม้กระยาเลย วางกองอยู่เป็นกลุ่ม ๆ รวมจำนวน 46 ท่อน ปริมาตรรวม 68.48 ลบ.เมตร เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจยึดไม้แปรรูปและไม้ท่อนทั้งหมด เป็นของกลางดำเนินคดี ส่วนตัวอาคารคฤหาสน์ทั้ง สองหลัง อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ตรวจสอบรายละเอียด ที่มาของไม้ทั้งหมดก่อน
นายทัศ ศีลทรงธรรม กล่าวว่า ตนเองเป็นนักสะสมของเก่า และตั้งใจที่จะเก็บรวบรวมของเก่าโบราณจำนวนมากเอาไว้เป็นที่ระลึกก่อนที่จะสูญหายไป และจะเปิดโอกาสให้เยาวชนและคนทั่วไปได้เข้าชม จึงปลูกสร้างอาคารให้ใหญ่ เพื่ออำนวยความสะดวก  ในรูปของการจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ สำหรับไม้ที่มาทำเป็นบ้านหรืออาคาร โดยเฉพาะท่อนไม้นั้น ตนเองสั่งซื้อมาจาก  นักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งในจ.บุรีรัมย์ สะสมมานานหลายปีแล้ว ขณะที่ไม้ปลูกบ้านส่วนใหญ่ซื้อมาจากจ.แพร่ และในพื้นที่ ส่วนใหญ่เป็นไม้จมน้ำแล้ว ไม่ทราบว่าเป็นไม้หวงห้าม
พล.ต.พิชิต ฟูฟุ้ง ผบ.พล.ร.11 กล่าวว่า  ในส่วนของการร่วมกันตรวจสอบบ้าน ในวันนี้สามารถยึดไม้หวงห้ามมาเป็นของกลางดำเนินคดีกับผู้ครอบครอง ส่วนตัวบ้านทั้งสองหลัง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ต้องสอบสวนว่าได้มาอย่างถูกต้องหรือไม่
"ส่วนตัวเองแล้วไม่น่าเชื่อว่า ในพื้นที่ฉะเชิงเทราจะมีการปลูกสร้างบ้านทำด้วยไม้อลังการแบบนี้ คงไม่ใช่ไม้ในเขตพื้นที่แน่นอน ต้องขนย้ายมาจากที่อื่น จึงตั้งข้อสังเกตว่า ไม้ขนาดใหญ่ จำนวนมากนี้ผ่านมาได้อย่างไร มีใบกำกับถูกต้องหรือเปล่าต้องติดตามต่อไปว่า แล้วขนย้ายมาได้อย่างไร"  พล.ต.พิชิต  กล่าว
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายทัศ ไปดำเนินคดี ในข้อหา กระทำความผิด ว่าด้วย พรบ.ป่าไม้ พ.ศ. 2548 มาตรา 69 คือ มีไม้ท่อนซึ่งยังไม่ได้แปรรูปไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และมีไม้แปรรูปไว้ในความครอบครองเกินปริมาตรที่กฎหมายกำหนด ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดี ตามประกาศที่ 106 เรื่องว่าด้วยการป่าไม้ ของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช.ด้วย ส่วนไม้ของกลางทั้งหมด จะทำการตรวจยึดพร้อมขอย้ายไปเก็บรักษาไว้ที่ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ฉช.5 (ดงมะนาว) ใน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ต่อไป