svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

หมอมาแล้ว! “บุญ วนาสิน” ปักธง “ปฏิรูปรถเมล์”

18 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

มาแล้วครับ "หมอบุญ"มาเพื่อรักษาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของ “ธุรกิจรถร่วมฯ" ในโครงการปฏิรูปรถเมล์ของรัฐบาล ลองหมอบุญทุ่มมาแบบนี้ คาดว่าจะรุ่งสุดๆ!!

               เศรษฐกิจไทยจะเป็นยังไง คนรวยยังอยู่ได้เรื่อยๆ เพราะไม่ยอมหยุดนิ่ง มีแต่จะคิดหาทางทำให้มันงอกเงย

               ล่าสุด นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ประกาศร่วมลงขันกับผู้ประกอบการรถร่วม 34 บริษัท ตั้งบริษัทเพื่อเข้าร่วมประมูลเดินรถเส้นทางใหม่ในโครงการปฏิรูประบบรถเมล์ 269 เส้นทางของรัฐบาล

               งานนี้เจ้าตัวบอกประสา “คนเงินถุงเงินถัง” ว่า พอดีเห็นว่ารถร่วมเอกชน เขาขาดทุนสะสมกว่าหมื่นล้านบาท ก็เลยอยากช่วยให้กลับมามีกำไร !

               แต่หลักคิดคนรวย จะทำอะไรต้องรู้ “ที่มา” ของเงิน นพ.บุญบอกว่า ก็จะขอกู้เงินจากเอ็กซิมแบงก์จีน ราว 2 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อรถเมล์ใหม่ระบบไฟฟ้าจากประเทศจีน 2,000 คัน ราคาเฉลี่ยคันละ 10 ล้านบาท วิ่งแทนรถเก่า

               แถมยังสำทับว่าจะลงทุนติดตั้งระบบไอทีอีก 1,000 ล้านบาท ให้บริการที่ทันสมัย เหมือนต่างประเทศ !!!

               ว่าแล้วคิดตัวเลขเสร็จสรรพ คาดว่าจะคืนทุนได้ใน 7 ปี กำไร 12-15% หากเก็บค่าโดยสาร 30 บาท มีผู้ใช้บริการ 1.5 ล้านคนต่อวัน จะมีรายได้ 60 ล้านบาทต่อวัน เมื่อหักค่าใช้จ่าย 50 ล้านบาท จะมีกำไรวันละ 10 ล้านบาท ซึ่งพร้อมจะเปิดบริการก่อนปีใหม่นี้ !!!

               นี่เกริ่นแค่บางส่วน เพราะในรายละเอียดยังมียิบย่อยอีกเยอะ แต่ก็ทำให้เรารู้แล้วว่า งานนี้หมอบุญเอาแน่ !!

               ยิ่งเมื่อย้อนไปดูเส้นทางที่ผ่านมา จะพบว่า แม้คนไทยจะรู้จักเขาจากความเป็นเจ้าของโรงพยาบาลธนบุรี แต่ในเรื่องความเป็นนักธุรกิจแล้ว หมอคนนี้จัดหนัก กล้าได้กล้าเสีย

               ไม่งั้นก็ไม่ใช่ นพ.บุญ วนาสิน หนึ่งใน “Wealthy man” คนหนึ่งของเมืองไทย ผู้เป็นเจ้าของกิจการต่างๆ มากมายเกินจะนับถ้วน ทั้ง โรงแรม, ธุรกิจท่องเที่ยว, ธุรกิจเสื้อผ้าสำเร็จรูป, การสื่อสารและคอมพิวเตอร์, การบิน รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ

               จนภายหลัง ภาพติตตาคนไทยคือ เขาคนนี้เป็นนักเทกโอเวอร์กิจการ ชนิดหาตัวจับยากคนหนึ่งเลยทีเดียว

               นพ.บุญ วนาสิน เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2481 เขาเติบโตมากับครอบครัวทำธุรกิจค้าข้าว ซื้อขาย (Trading) สินค้าเกษตรตั้งแต่รุ่นปู่

               วัยเรียนเริ่มต้นที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก ช่วงปี 2507 จากนั้นไปจบแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล ก่อนจะเหินฟ้าไปต่อด้านอายุรศาสตร์ และด้านโรคทางเดินอาหาร ที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกิ้น สหรัฐอเมริกา

               หลังเรียนจบ เขาได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรศาสตร์และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ที่สถาบันนี้ต่อไป แต่ใครจะรู้ว่าตอนนี้เองที่หมอบุญเกิดแนวคิดอยากรวยๆๆ จึงเดินเข้าสู่เส้นทางธุรกิจที่ดินมาก่อนแล้วที่สุดทำอยู่ 5 ปี ก็มีเงินกลับบ้านมาถึง 40 ล้านบาท !!

               ครั้นพอกลับมาบ้านเกิดช่วงปี 2517 เป็นอาจารย์สอนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดลได้ปีเดียว ก็หันไปร่วมกับกลุ่ม “จางเม่งเทียน” นายทุนจากฮ่องกง ทำหมู่บ้านทวีมิตร ที่สี่แยก อสมท ช่วงปี 2518

               จากนั้นปี 2519 ร่วมกับกลุ่มเพื่อนหมอ ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ในนามบริษัท โรงพยาบาลธนบุรี จำกัด จนรุ่งเรืองขยายขนาดออกไปเรื่อยๆ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ โรงพยาบาลธนบุรี 2, โรงพยาบาลราชธานี, โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี และโรงพยาบาลธนกาญจน์ กระทั่งเข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน มาเป็น บริษัทโรงพยาบาลธนบุรี จำกัด (มหาชน) ในปี 2537

               นอกจากนี้ ยังมีโรงพยาบาลปิยะเวท ที่เทกโอเวอร์มาในราคา 600 ล้านบาท ช่วงปี 2543 และลงทุนเพิ่มไปอีก 600 ล้านบาท (ก่อนจะขายให้เครือกระทิงแดง และกระทิงแดงขายต่อให้บางปะกอก ในปี 2559)

               กระทั่งยังมี บริษัท อัลไพน์ เรียลเอส เตท จำกัด, บริษัท ราชธานีบ้านและที่ดิน จำกัด, บริษัท ทันตสยาม จำกัด, บริษัท แอสซิส อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์วิสเซส จำกัด บริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ ฯลฯ

               เวลานั้นเรียกได้ว่า ไม่ว่าจะหยิบจับอะไร ก็รุ่งไปหมด ช่วงปี 2549 ยังผุดบิ๊กโปรเจกท์มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท ทำโรงแรม 3-5 ดาว, คอนโดมิเนียม, ศูนย์การค้าน และศูนย์วินิจฉัยโรคครบวงจร บริเวณหลังโรงพยาบาลปิยะเวทพระราม 9 และอื่นๆ อีกมากมายอีกด้วย

               ต่อด้วยช่วงปี 2550 เขาประกาศที่จะเดินหน้าพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายในระยะ 5 ปี ทั้งในกรุงเทพฯ ภูเก็ต และสมุย เน้นลูกค้าต่างชาติกระเป๋าหนักโดยเฉพาะ

               ว่ากันว่าโครงสร้างรายได้ทางธุรกิจของหมอบุญ จะมาจากต่างประเทศสูงถึง 60% และในธุรกิจในไทยประมาณ 30-40% !!

               วันนั้น เขายังบอกว่า งานถนัดของเขาคือการซื้อๆๆ คือ อย่างในเมืองไทย ถ้ากิจการโรงพยาบาลที่ไหนไม่ไหว จะเข้าไปรับช่วงบริหารต่อ หากที่ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสม ก็จะทำต่อให้ฟื้น !

               แต่ถ้าที่ต่างประเทศ ซึ่งเขาไปลงทุนอยู่ เช่น จีน เวียดนาม พม่า และ ตะวันออกกลาง เขาจะเข้าไปในลักษณะรับจ้างบริหาร นั่นคือ การเข้าไปช่วยลดต้นทุน ส่งบุคลากรทางการแพทย์ไปช่วย และก็พัฒนาระบบไอที ในการบริหารจัดการเพื่อดูแลต้นทุน

               และตรงนี้เองที่ยิ่งฉายภาพ “หมอทางธุรกิจ” ของหมอบุญ แต่เป็นรักษาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของ “ธุรกิจ” นั่นเอง

               เฉกเช่นกับธุรกิจรถร่วมตามที่เกริ่นไว้ข้างต้น หลังจากที่กระทรวงคมนาคมจะให้ใบอนุญาตเดินรถในเส้นทางเดิมเป็นเวลา 7 ปี ตามที่สมาคมรถร่วมฯ เรียกร้อง

               โดยตามแผนระยะแรก ผู้ประกอบการรถร่วมฯ 34 ราย ซึ่ง มีรถเมล์รวม 1,500 คัน มีใบอนุญาตร่วม 60 เส้นทาง และมีหนี้สินที่ติดค้างกับ ขสมก. ประมาณ 500 ล้านบาท จะได้ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เข้ามาดูแล โดยจัดตั้งบริษัทประกอบกิจการเดินรถเมล์ ขึ้นมาโดยเฉพาะ

               จากนั้นบริษัทใหม่จะต้องกู้เงินอีก 1.7 หมื่นล้านบาท เพื่อชำระหนี้ให้แก่ผู้ถือหุ้นและจัดซื้อรถเมล์ใหม่อีก 2,000 คัน

               ซึ่งตามแผนจะเริ่มให้บริการ 100 คันแรกภายในปีใหม่ 2561 และจะจัดซื้อให้ครบทั้งหมดภายใน 1 ปี

               ทั้งนี้ รถร่วมฯ ทั้ง 34 รายจะนำใบอนุญาตเข้ามาเป็นหุ้น แล้วแบ่งกันไปว่าจะถือหุ้นเท่าไหร่

               งานนี้ หมอบุญของเรา ที่ทำคือหาเงินมาลงทุนก่อน โดยไปเจรจาว่าจะซื้อรถเท่าไหร่ และผู้ถือหุ้นแต่ละรายเอาเงินไปใช้หนี้เท่าไหร่นั่นเอง

               ดูแล้ว น่าจะสบายแบบเบิร์ดๆ คึกคัก คักคึก ทำให้เลือดของนักลงทุน “มือทอง” สูบฉีดไปทั้งตัวเลยทีเดียว

logoline