svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

จบมหากาพย์จำนำข้าวยิ่งลักษณ์ ทนาย-อัยการไม่อุทธรณ์

29 ตุลาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อัยการรอตามตัวรับโทษ 5 ปี ไม่รอลงอาญา ต้องหนีตลอดชีวิตไม่มีอายุความ ส่วนทุจริตระบายข้าวจีทูที คณะทำงานอัยการ รอประชุมสรุปต้นเดือน พ.ย.นี้

29 ต.ค.60 เวลา10.20 น.นายนรวิชญ์  หล้าแหล่ง ทนายความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร   อดีตนายกรัฐมนตรี   จำเลยต้องโทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญาตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองคดีจำนำข้าว ที่ให้ปฏิบัติหน้าที่มิชอบฯเอื้อให้การทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี กระทั่งรัฐได้รับความเสียหาย เปิดเผยถึงการอุทธรณ์ว่าหลังจากมีการอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27ก.ย.60ที่ผ่านมาแล้วจนถึงตอนนี้เมื่อทนายความไม่ได้รับการติดต่อจากน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงไม่ได้ยื่นขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ รวมทั้งไม่ได้ยื่นคำอุทธรณ์คดีจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแต่อย่างใด ซึ่งคดีดังกล่าวโดยครบกำหนดระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ 30 วัน เมื่อวันศุกร์ที่ 27ต.ค.ที่ผ่านมาแล้ว

ทั้งนี้ นายนรวิชญ์  ยังระบุ ได้ว่านับตั้งแต่วันที่ศาลฎีกาฯเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าวครั้งแรกตั้งแต่เมื่อวันที่ 25ส.ค.เขาก็ไม่ได้รับการติดต่จากน.ส.ยิ่งลักษณ์อีกเลย

ขณะที่นายสุรศักดิ์   ตรีรัตน์ตระกูล   ผู้ตรวจการอัยการ ซึ่งเป็นรองหัวหน้าคณะทำงานอัยการรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าว  ได้กล่าวว่า คดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นจำเลยนั้นขณะนี้ถือว่าคดีเป็นที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯแล้ว เพราะไม่ได้มีการยื่นอุทธรณ์คดี โดยในส่วนของโจทก์เองนายเข็มชัย ชุติวงศ์อัยการสูงสุด ก็ได้มีความเห็นเมื่อวันศุกร์ที่ 27ต.ค.ที่ผ่านมาแล้วเห็นว่าศาลฎีกาฯได้พิพากษาจำคุกน.ส.ยิ่งลักษณ์ตามบทลงโทษที่ได้ยื่นฟ้องคดีแล้ว จึงไม่ได้ยื่นอุทธรณ์อีกต่อไปและเมื่อคดีถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลฎีกาฯแล้ว จากนี้ก็จะเป็นเรื่องการบังคับคดีตามคำพิพากษาก็จะต้องดำเนินกระบวนการติดตามตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์มารับโทษต่อไป

"ซึ่งจะไม่มีการนับอายุความแล้ว หากหลบหนีก็ต้องหลบหนีไปตลอด ส่วนเรื่องความรับผิดทางละเมิดที่กระทรวงการคลังเคยมีคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้นก็เป็นเรื่องของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องอื่นจะต้องว่ากล่าวขั้นต่อไปซึ่งทราบว่ากรณีดังกล่าวอยู่ในการพิจารณาของศาลปกครองก็จะต้องดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนกระบวนการ"นายสุรศักดิ์ ระบุ

นายสุรศักดิ์  กล่าวอีกว่า สำหรับคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีนั้นขณะนี้อัยการก็กำลังพิจารณาประเด็นอุทธรณ์ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่2ไปแล้ว

เมื่อถามถึงเรื่องการเพิกถอนหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต)ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาฯซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว นายสุรศักดิ์ กล่าวว่ากรณีนั้นเป็นเรื่องกระทรวงการต่างประเทศต้องพิจารณาต่อไป

ขณะที่นายกิตินันท์   ธัชประมุข   อธิบดีอัยการสำนักงานสอบสวนซึ่งเป็นคณะทำงานรับผิดชอบคดีจำนำข้าวและระบายข้าวได้กล่าวถึงความคืบหน้าการอุทธรณ์คดีทุจริตระบายข้าวว่าจะมีการประชุมคณะทำงานในช่วงต้นเดือน พ.ย.2560นี้ เพื่อจะสรุปประเด็นการอุทธรณ์คดี

"ซึ่งขณะนี้ได้มีการร่างคำอุทธรณ์ไว้แล้วว่าจะมีแนวทางอย่างไร หลักใหญ่ก็จะเน้นกลุ่มเอกชนและลงสีที่ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้องไป ในส่วนนี้จะต้องพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบเพราะจะมีผลสืบเนื่องกับความเสียหายทางแพ่งโดยถ้าศาลยกฟ้องราชการก็มีอาจเรียกร้องค่าเสียหายจากกลุ่มโรงสีดังกล่าวได้"นายกิตินันท์  กล่าว

นายกิตินันท์  กล่าวต่อไปว่า ส่วนกลุ่มจำเลยที่เป็นอดีตนักการเมืองและอดีตข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศนั้นก็เป็นประเด็นยิบย่อยในเรื่องการแก้ไขสัญญาบางฉบับว่าจะยื่นอุทธรณ์ด้วยหรือไม่โดยคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ออกมาแล้วนั้นก็ได้ลงโทษกลุ่มจำเลยดังกล่าวไว้ในอัตราโทษที่ค่อนข้างสูงตามบทลงโทษแล้ว

เมื่อถามว่าอัยการจะสรุปประเด็นและยื่นอุทธรณ์คดีการทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจีได้ทันภายในระยะเวลาการขอขยายอุทธรณ์ครั้งที่ 2 นี้ช่วงสิ้นเดือนพ.ย.หรือไม่ นายกิตินันท์กล่าวว่าน่าจะทัน เพราะขณะนี้มีความพร้อมในการร่างอุทธรณ์ไว้แล้วเพียงแต่ต้องสรุปประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจนอีกครั้ง โดยในส่วนของนายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์จำเลยที่1-2นั้นได้ยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลฎีกาฯแล้วและขณะนี้คณะทำงานอัยการก็ได้รับสำเนาคำอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองแล้ว ระหว่างนี้ก็จะตรวจดูรายละเอียดเพื่อจะทำคำแก้อุทธรณ์ส่งต่อศาลฎีกาฯต่อไปซึ่งจะมีระยะเวลาประมาณ 30 วัน แต่หากรายละเอียดมีมากทำคำแก้อุทธรณ์ไม่ทันก็ขอขยายระยะเวลาได้อีก

เมื่อถามว่าการไม่ยื่นอุทธรณ์คดีจำนำข้าวที่ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ซึ่งศาลได้พิพากษาลงโทษในประเด็นการระบายข้าวเท่านั้นไม่ได้ระบุเป็นความผิดจำนำข้าวแล้วจะมีผลอย่างไรหรือไม่   นายกิตินันท์ กล่าวว่า สำหรับคดีจำนำข้าวที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้นเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว โดยเป็นการยื่นฟ้องถึงการปฎิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในภาพรวม ทั้งโครงการจำนำข้าวที่มีความต่อเนื่องมาจนถึงการนำข้าวที่เข้าสู่โครงการมาระบายออกขายด้วยการทำสัญญาขายข้าวแบบจีทูจี

"ดังนั้นแม้จะเป็นการระบุถึงการละเว้นปฎิบัติหน้าที่ไม่ชอบฯในช่วงของการระบายข้าวแต่ก็ถือว่าเป็นความผิดตามที่อัยการได้ฟ้องและศาลมีคำพิพากษาตามบทลงโทษนั้นแล้วโดยการฟ้องอัยการไม่ได้แยกเหตุการณ์ฟ้องต่างกรรมกัน"นายกิตินันท์ กล่าวในที่สุด

logoline