svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

พา "ยิ่งลักษณ์" หนี บนเส้นทางสายบูรพาพยัคฆ์

25 กันยายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความคืบหน้าเกี่ยวกับปฏิบัติการพาคุณยิ่งลักษณ์หลบหนี ซึ่งมีคำให้การของรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 พันตำรวจเอก ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ คนขับรถพาหนี / เป็นเอกสารคำให้การแบบละเอียดยิบนั้น / จะว่าไปกระแสสังคมยังให้ความสนใจไม่เท่ากับประเด็นที่ว่า ปฏิบัติการนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ เพราะเท่าที่ "ล่าความจริง" ตรวจสอบความเห็นจากหลายๆ ฝ่าย พบว่ายังมีการตั้งข้อสังเกต และข้อสงสัยเกี่ยวกับพิรุธหลายๆ อย่างจากคำให้การทั้งหมดนี้


เดี๋ยวเราค่อยๆ ไล่เรียงไปทีละขั้น พร้อมข้อสังเกตจากหลายๆ ฝ่าย ซึ่งเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบนะคะ
จากคำให้การของพันตำรวจเอก ชัยฤทธิ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เวลาประมาณ 18 นาฬิกา 20 นาที ตนได้ขับรถสายตรวจ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีบรอนซ์เทา ทะเบียนตราโล่ ไปรอรับคุณยิ่งลักษณ์ ที่ห้างสรรพสินค้าโลตัส บริเวณห้าแยกวัชรพล ซึ่งเป็นจุดนัดหมายตามที่ตกลงกันไว้

เมื่อรอที่ห้างประมาณ 5 นาที ก็มีรถยนต์ยี่ห้อเมอร์ซิเดส เบนซ์ สีดำ ที่มีคุณยิ่งลักษณ์ และเลขาฯส่วนตัวที่เป็นผู้หญิง 1 คนนั่งมาด้วย ทั้งคู่สวมหมวกแก๊ป และหน้ากากอนามัยสีดำ (ขอย้ำว่าสีดำนะคะ) เมื่อพบกันแล้ว ก็ขับรถตามกันไป เข้าไปในหมู่บ้านชัยพฤกษ์ ย่านวัชรพล โดยรองผู้การชัยฤทธิ์ จอดรถรอบริเวณปากซอย 23 ส่วนรถเบนซ์ของคุณยิ่งลักษณ์ ขับเข้าไปภายในซอย ก่อนจะเปลี่ยนรถเป็นยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เทา ป้ายทะเบียน ณย 2123 กรุงเทพมหานคร

เมื่อเปลี่ยนรถแล้ว รองผู้การชัยฤทธิ์ ก็ขับรถต่อไปยังบ้านของตัวเอง ซึ่งอยู่ในซอยไม่ไกลกัน ในหมู่บ้านชัยพฤกษ์เหมือนกัน เพื่อนำรถไปเก็บที่บ้าน แล้วก็เปลี่ยนมาขับรถโตโยต้า คัมรี่ ที่คุณยิ่งลักษณ์และเลขาฯนั่งอยู่ในรถแทน / หลังจากนั้นก็ได้ขับรถโตโยต้า คัมรี่ ออกจากหมู่บ้าน ไปตามเส้นทางถนนรามอินทรา
จากนั้นรองผู้การชัยฤทธิ์ ก็ขับโตโยต้า คัมรี่ มุ่งตรงไปมีนบุรี ตัดเข้าถนนสุวินทวงศ์ และขับตรงไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ต่อไปเข้าอำเภอพนมสารคาม / เขาหินซ้อน / และเลี้ยวขวามุ่งหน้าอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเวลาขณะนั้นประมาณ 4 ทุ่ม

เมื่อถึงอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว รองผู้การชัยฤทธิ์ก็ขับรถต่อไปยังถนนสุวรรณศร ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศประมาณ 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดนัดหมาย เพื่อเปลี่ยนรถอีกครั้ง // คราวนี้เป็นรถปิคอัพสี่ประตู สีทึบ ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียนพันตำรวจเอก ชัยฤทธิ์ ให้การว่า มีผู้ชายสูงประมาณ 180 เซนติเมตร ไม่แน่ใจว่าเป็นคนไทยหรือไม่ เป็นคนขับรถปิคอัพคันนี้ เนื่องจากตอนนั้นเป็นเวลาดึกแล้ว ทำให้มองเห็นหน้าชายคนดังกล่าวไม่ชัดเจน จากนั้นคุณยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ ก็เปลี่ยนไปขึ้นรถคันนั้น เดินทางต่อไป ส่วนรองผู้การชัยฤทธิ์ ก็นอนพัก แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ ประสานลูกน้องให้เอารถไปทำลาย แต่ลูกน้องก็เก็บรถไว้กระทั่งถูกเชิญตัวไปสอบปากคำ
ข้อสังเกตของสังคม สรุปได้แบบนี้ค่ะ1.จุดที่อ้างว่านัดพบกันที่ห้างโลตัส ย่านวัชรพล ไม่ใช่จุดที่คุณยิ่งลักษณ์ขึ้นรถ แค่ไปพบกับรถที่อ้างว่าคุณยิ่งลักษณ์นั่งมา คือรถเบนซ์ แล้วขับตามกันไปที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์
2.ที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ บ้านที่ไปเปลี่ยนรถเป็นบ้านของรองผู้การชัยฤทธิ์อยู่แล้ว ทำไมต้องไปนัดเจอกันข้างนอกอีก
3.รถคัมรี่ที่ใช้เป็นพาหนะในการหลบหนี เป็นรถผิดกฎหมาย เพราะเจ้าของเดิมขาดส่งไฟแนนซ์ มีการทำเรื่องขอยุติการใช้งานกับกรมการขนส่งทางบก แต่กลับนำมาใช้พาหนีบุคคลสำคัญระดับอดีตผู้นำประเทศ แถมใช้ทะเบียนรถคันอื่นมาสวมแทน สลับกัน 2 ป้าย
4.รองผู้การชัยฤทธิ์ ไม่ได้บอกว่าเคยขับรถคันนี้มาก่อนหรือไม่ สมมติว่าไม่เคยขับ ความชินมือในการขับ กับอายุรถที่มากกว่า 10 ปี แต่ต้องวิ่งทางไกลกว่า 200 กิโลเมตร ในภารกิจที่ผิดพลาดไม่ได้เลย มีความเป็นไปได้แค่ไหน
5.การใส่หน้ากากอนามัยสีดำ ใส่หมวก เป็นจุดสังเกตมากกว่าพรางตัวหรือไม่
6.ถ้าปฏิบัติการพาหนีครั้งนี้เป็นเรื่องจริง สะท้อนว่าชุดเจ้าหน้าที่ที่เกาะติดคุณยิ่งลักษณ์อยู่ ซึ่งข่าวว่าเป็นทหารหน่วยเก่าของ "บิ๊กคสช." หลายๆ คน ทำงานมีประสิทธิภาพแค่ไหน (เพราะปล่อยให้หนีได้) ขณะที่ด่านตรวจหลายๆ ด่าน ไม่เรียกตรวจเลย ทั้งๆ ที่มีรถผิดกฎหมายชับผ่าน แบบนี้ถือว่าบกพร่องหรือไม่
7.เส้นทางหนี เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางสาย "บูรพาพยัคฆ์" เพราะเป็นพื้นที่ที่อดีตบิ๊ก คสช.เคยปฏิบัติงานและเป็นใหญ่เป็นโตในหน่วยทหารแถบนี้ทั้งสิ้น
การปล่อยให้หนีไปง่ายๆ แบบนี้ ถามว่าใครต้องรับผิดชอบ และข่าวที่ว่ามีตำรวจ 3 นายเข้ามาเกี่ยวข้องพาหนี และทำลายหลักฐานที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมในช่วงก่อนศาลอ่านคำพิพากษาคดีคุณยิ่งลักษณ์เพียงไม่กี่วันนี้ / ถามใครได้ประโยชน์มากที่สุด

logoline