นายกฯกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือตนเป็นห่วงคนอื่น ๆ ที่ชอบเข้าไปมุงดูเวลาเกิดสถานการณ์ขึ้น เช่น การเข้าไปเคลียร์ก็เข้าไปมุงดูพอเกิดระเบิดซ้ำก็เจ็บกันหมด ตนเตือนหลายครั้งแล้ว เวลาเขาห้ามเขาเตือนหรือปิดกั้นพื้นที่ก็ขอว่าอย่าเข้าไป ตนสั่งการเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าต่อไปนี้นักข่าวห้ามเข้าไปชิดแบบนั้น และมันก็มีคนเจ็บอีกซึ่งขบวนขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้อย่างไร และหยุดดูกันตรงนั้น ตนกำชับไปแล้วว่าถ้าเกิดขึ้นอีกถือเป็นการบกพร่องของเจ้าหน้าที่ เราจะต้องมีสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดให้ได้ก่อนทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ก็ต้องมีสมาธิ แต่หากมีคนจำนวนมากก็ไม่มีสมาธิ ต้องมีคนให้น้อยที่สุดในพื้นที่อันตรายจึงจะลดการสูญเสียได้ สมาธิของคนทำงานก็ดีขึ้น
"สิ่งสำคัญอีกอย่างคือเขาก็จ้องอยู่ตลอดมีทั้งกลุ่มแกนนำและแนวร่วมที่คอยส่งข่าวกัน เราต้องระมัดระวังให้หมด ตนคิดว่าเราต้องมียุทธวิธีทางการทหารต้องเข้มงวดขึ้นและมีมาตรการที่เหมาะสม เราต้องไม่ทำให้ความรุนแรงขยายขึ้น ในเรื่องการพูดคุยก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยพูดว่าพูดคุยแล้วมันจะเลิก ตราบใดที่คนพวกนี้เปลี่ยนสมองไม่ได้ ไม่มีทางเลิกหรอก เราต้องทำให้ลดให้เหลือน้อยที่สุดจนเขาไม่มีขีดความสามารถในการก่อเหตุ คุณต้องเข้าใจว่าคนเราคิดได้หลายอย่างหากมีการบิดเบือน สมองเขาเป็นแบบนั้นไปแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ คุณก็เห็นการเมืองก็มีใช่หรือไม่" นายกฯกล่าว
ต่อข้อถามว่าจะกระทบการพูดคุยสันติสุขหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าเรื่องคุยก็คุยไป ไม่ได้มุ่งหวังว่าคุยแล้วจะจบทั้งหมด ต้องให้คนที่มีความเห็นต่างทั้งหมดออกมาแล้วแล้วพูดคุยกัน แต่ตอนนี้กลุ่มหนึ่งพูดอีกกลุ่มยังไม่พูด เป็นอยู่แบบนี้ นี่ความยากง่าย ไม่รู้จะพูดอย่างไร แล้วถ้าไม่พูดเราจะรบกันหรืออย่างไร เขาก็ใช้กฎหมายอยู่แล้วทั้งจับกุม ตรวจค้นและดำเนินคดีใช่มาตรการทางกฎหมาย การพูดคุยถือเป็นอีกเวทีหนึ่งเท่านั้น ถ้าคุยกันได้ก็ทำได้ อย่างน้อยก็ลดความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าให้หยุดทีเดียวเราต้องเปลี่ยนสมองคนอีกพวกหนึ่ง แล้วสิ่งที่เราทำวันนี้ตนให้ความสำคัญกับคนกลุ่มนี้เรื่องกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม สิ่งสำคัญที่ตนต้องการทำเรื่องการลงทุน การพัฒนา
"วันนี้เรามอบหมายมาตรการต่างๆ ไป แต่ที่ยังไม่ก้าวหน้าเพราะเขากังวลเรื่องความปลอดภัย เราต้องหารมาตรการและแรงจูงใจมากกว่านี้ว่าจะเอาใครมาลงทุน ถ้าเป็นคนจากกรุงเทพฯ เขาคงไม่อยากลงทุนก็ต้องเอาเพื่อนบ้านมาลงทุน ซึ่งรัฐบาลกำลังดูอยู่ เราต้องคิดให้ทุกมิติ อย่ามองว่าจบหรือยังจะคุยทำไม ถ้าไม่คุยแล้วจะทำอย่างไร เอากำลังมารบกันอีกหรือ เขาไม่รบกับท่านอยู่แล้วเพราะเขาซ่อนอยู่ และไม่ได้วางกำลังตรงไหนสักที่ เดินกันเหมือนนักข่าวพอถึงเวลาเขาก็หยิบปืนมายิงตน ได้หรือไม้ มันเป็นยุทธวิธี มันไม่ใช่เรื่อง ก่อนนายกฯจะพร้อมกับถอนหายใจและกล่าวว่าเหนื่อย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนเหตุการณ์ดังกล่าวจะถือเป็นการตอบโต้รัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตอบโต้ได้ไหมเล่า คุณต้องบอกมาก่อน ถ้าเขียนว่าเป็นการตอบโต้ รัฐบาลทำสิ่งนี้ คุณก็ต้องเข้าข้างรัฐบาลว่ารัฐบาลทำแบบนี้ เขาจับกุมดำเนินคดีซึ่งถือเป็นกลไก ถ้าเขาทำตอบโต้เขาผิดหรือไม่ ก็ผิด แต่ถ้าคุณบอกว่าเขาตอบโต้เรา สรุปว่าตนไม่ต้องทำอะไรหรือ เพื่อที่จะไม่ให้เขามาตอบโต้เรา ต้องคิดแบบนี้ เสนอข่าวแบบนี้
ผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับเซฟตี้โซน นายกฯกล่าวว่า เราประกาศอย่างไร แล้วเขาตกลงหรือยัง และเขาทำได้หรือไม่ ก็เสียที่เขาเอง อย่ามาโทษว่าเสียเพราะรัฐบาล เพราะเราไปคุยมาแล้ว คุณไปพูดกับคนที่คุยแล้วไม่ทำ ไปเล่นงานทางโน้น