ทันทีที่มาถึงนายกฯ ประเดิมเอาฤกษ์เอาชัยด้วยการสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) โดยมีประชาชนมาให้กำลังใจอย่างอบอุ่นก่อนเดินแวะทักทายอย่างเป็นกันเอง นายกฯ อารมณ์ดียิ้มจนแก้มแทบปริ นั่นอาจเพราะเสียงที่อื้ออึงมีแต่วลีเสนาะหูจากประชาชนที่ตะโกนว่า "รักลุงตู่" "ลุงตู่สู้ๆ" ได้ยินแบบนี้ใครที่ไหนจะกล้าหน้าบูดใส่
จากนั้นผู้ว่าฯโคราช ได้รายงาน นายกฯ ว่า "ประตูชุมพล" ที่วางตัวเป็นแนวด้านหลังอนุสาวรีย์ย่าโม ตามความเชื่อระบุว่าาหากใครได้มาลอดแล้วจะเป็นเขยโคราช "บิ๊กตู่" มีหรือจะรอช้า เดินปรี่ไปทันทีไม่ได้หมายความว่า เจ้าตัวหวังจะเป็นเขยโคราช เพราะเมื่อมาถึงศาลาอเนกประสงค์สวนสาธารณะเทศบาลตำบลหัวทะเล ต.หัวทะเล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ก็ได้ขึ้นเวทีกล่าวกับประชาชนไปครู่หนึ่ง และชี้แจงว่า
"ไม่ไหวแล้ว เป็นเขยกรุงเทพฯ มาแล้ว มีอีกมีเรื่องแน่" เจ้าตัวพูดพร้อมเสียงหัวเราะ เรียกเสียงฮาจากคนข้างล่างเวทีก็ฮาไปตามระเบียบ
แต่เดิมนั้น"ประตูชุมพล"คือจุดชุมนุมพล หรือจุดรวมพล สำหรับเตรียมไพร่พลไว้ออกศึก มีความเชื่อตั้งแต่โบราณว่าใครก็ตามได้ลอดประตูนี้เพื่อไปรบแล้ว จะแคล้วคลาดกลับมาอย่างปลอดภัย และอีกความเชื่อคือเมื่อได้ลอดแล้วจะได้กลับมาเมืองนี้อีก เหมือนที่ "พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ" รมว.เกษตรและสหกรณ์ เพื่อนเลิฟ บิ๊กตู่ หยอดมุกว่า ลอดไปลอดมายังไงก็ได้กลับมาอีก ทำเอาข้าราชการที่ยืนรอบข้างหัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันท้องแข็ง
ต่อมา ที่ศาลาเอนกประสงค์ ต.หัวทะเล ที่ทำให้หลายคนอดคิดไม่ได้ว่า นายกฯจะไม่ยุ่งกับการเมืองตามที่เคยบอกไว้หรือไม่ เพราะบางประโยคของนายกรัฐมนตรีนั้นชวนตีความยิ่งนักเช่น
"ผมให้ความสำคัญกับภาคอีสานก่อนเป็นอันดับแรกโดยครม.มาทั้งคณะ จึงถือเป็นโอกาสดีในการรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง"
"ผมเกิดที่นี่ในค่ายสุรนารี โดยในสูติบัตรก็เขียนไว้เท่ากับเป็นคนที่นี่ จึงเป็นลูกหลานชาวอีสาน ไม่เคยลืม"
"รัฐบาลไม่ใช่ดารา ไม่ได้สร้างละคร แต่กำลังทำเรื่องจริง ทำความฝันให้เป็นจริง เพราะต้องการให้โคราช ภาคอีสาน และทุกภาค เจริญเติบโต"
แถมยังถามประชาชนที่มาฟังกันโต้งๆ ว่า"ใครจะไปเลือกตั้งบ้างให้ยกมือ" แต่ทุกอย่างเงียบกริบ เมื่อไม่มีเสียงตอบรับ นายกฯจึงแก้เกี้ยวบอกไปว่า"ไม่ต้องกลัวผม เพราะสนับสนุนการเลือกตั้งอยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาได้คนห่วยมาตลอด เพราะคนดีไม่ได้ไปเลือก ส่วนจะเลือกใครเรื่องของประชาชน อย่าเลือกคนผิดอีก"พร้อมถามประชาชนต่ออีกว่า"หากมีใครในใจให้ยกมือลองตอบมาซักคนว่าเลือกใคร"
ปรากฎมีคนตะโกนว่า"เลือกนายกฯ"นั่นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อนเจ้าตัวจะขอบคุณและบอกว่า"แต่ไม่รู้จะเข้าไปได้อย่างไร ไม่ได้เลือกตั้ง ก็ไปดูกันต่อ ทุกอย่างเป็นเรื่องชะตากรรมของบ้านเมือง และผมก็ต้องรับชะตากรรมอยู่แล้ว"
พูดถึงขนาดนี้ใครที่ไม่เคยคิดก็ต้องมีคิดกันบ้าง
ในช่วงท้ายของการพูดบนเวที บิ๊กตู่ งัดลูกอ้อนหวังเรียกคะแนน โดยระบุว่า วันนี้ผมพูดความจริงต่อหน้าย่าโม และช่วงหนึ่งได้กล่าวเป็นภาษาอีสานด้วยว่า "คิดถึงกันบ้างเด้อ"
จากนั้นที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร อ.โนนแดง เพื่อติดตามการใช้งบประมาณโครงการประชารัฐและ โครงการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือ โครงการตำบลละ 5 ล้านบาท
และก็เช่นเคยเมื่อนายกฯไม่พลาดปล่อยมุข ระหว่างนายกรัฐมนตรีกล่าวขณะให้หญ้ากับวัวในโครงการว่า"อยู่ในคอกเดียวกันอย่าทะเลาะกันนะลูก"
แต่ไฮไลต์คงหนีไม่พ้นการขึ้นรถอีแต๊ก ที่ถือเป็นสูตรสำเร็จอย่างหนึ่งในการสร้างภาพจำให้ผู้นำประเทศว่าเป็นติดดิน เข้าถึงง่ายแถมใกล้ชิดประชาชน โดยนายกฯได้ชวน"ยายน้อย กล้าหาญ"เกษตรกรที่นำผลผลิตมามอบให้พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นรถไปด้วยพร้อมสอบถามความเป็นอยู่
และทิ้งท้ายด้วย การปล่อยมุขคุยกับกบเลี้ยงตัวอวบอ้วนสองตัวที่ชาวบ้านนำมามอบให้ว่า"ชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นกบตัวเมียนะ ผมจะได้เป็นเจ้าชายกบ"ก่อนจะคืนให้กับเจ้าของ พร้อมกำชับเจ้าของว่าอย่าเอาไปต้มกินแกล้มเหล้า
งานนี้เรียกได้ว่าคนจัดหวังเรียกคะแนนให้นายกฯอย่างเต็มที่ แต่เอาเข้าจริง ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด เลยทำให้อีเว้นต์แบบนี้ดูไม่เป็นธรรมชาติซักเท่าไหร่
ทว่างานนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุวิทย์ เมษินทรีย์ ออกปากเองว่าอีเว้นต์วันนี้เวิร์ค อีก 6สัปดาห์ข้างหน้าก็จะมีการประชุมครม.สัญจรในจังหวัดต่อไป
เดาได้ว่าหลังจากนี้อีเว้นต์เรียกคะแนนนิยมคงมีให้เห็นจนชินตา สำหรับ บิ๊กตู่ ที่เปิดตำรานำมาร์เก็ตติ้งการเมืองมาใช้ ส่วนจะได้ผลแค่ไหน คนดูอย่างเรารอติดตามฟังเสียงระฆังยกต่อไปได้เลย
------