svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง! มือปืนป๊อปคอร์น เหตุไม่มีประจักษ์พยานยืนยัน

27 มิถุนายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ยกฟ้อง "ท็อป วิวัฒน์" ถูกฟ้องมือปืนป๊อบคอร์นยิงเหตุปะทะกปปส.-เสื้อแดง หลักสี่เหตุหลักฐานอัยการโจทก์ยังมีข้อสงสัย ลูกคนตายร่ำไห้หวังทวงความเป็นธรรมให้พ่อ


27 มิ.ย.60 ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีมือปืนป๊อบคอร์น หมายเลขดำ อ.1626/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายวิวัฒน์ หรือท็อป ยอดประสิทธิ์ อายุ 27 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่า , พยายามฆ่าผู้อื่น , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ที่สาธารณโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำอาวุธปืนออกนอกเคหะสถานภายในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 , 371 , พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา ม.4, 7, 8 ,72 และ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ม.5, 6, 11, ,18
โดยอัยการ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.57 บรรยายความผิดสรุปว่าวันที่ 1 ก.พ.57 เวลากลางวัน จำเลยกับพวก ได้มีปืนเล็กยาวไม่ทราบชนิดและขนาด ติดตัวไปที่ทางแยกหลักสี่ เขตหลักสี่ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศให้เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และยิงปืนเข้าไปในอาคารศูนย์การค้าไอที สแควร์ ซึ่งน.ส.สมบุญ สักทอง , นายนครินทร์ อุตสาหะ และนายพยนต์ คงปรางค์ ผู้เสียหายที่ 1-3 ได้รับอันตรายสาหัส และนายอะแกว แซ่ลิ้ว เสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กทม. ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
ซึ่งศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 3 มี.ค.59 เห็นว่า พยานหลักฐานของอัยการที่เป็นพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ เบิกความสอดคล้องเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนหาคนร้ายสวมเสื้อยืดชุดดำ และชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพกับเป็นผู้นำชี้จุดเกิดเหตุ จึงรับฟังได้ปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นคนเดียวกับคนร้ายที่สวมชุดดำ ที่มือสวมถุงกระสอบข้าวโพดสีเขียวเหลือง โดยการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรม จึงให้จำคุกตลอดชีวิตฐานฆ่าผู้อื่นซึ่งเป็นบทหนักสุด และฐานมีอาวุธปืนและพกพาอาวุธปืน จำคุก 6 ปี แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ มีเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 3 คงจำคุกฐานฆ่าผู้อื่น 33 ปี 4 เดือน และความผิดฐานพกพาอาวุธปืนจำคุก 4 ปี รวมจำคุกจำเลย 37 ปี 4 เดือน ต่อมานายวิวัฒน์ จำเลย ได้ยื่นอุทธรณ์
ซึ่งตลอดจนการพิจารณาคดีนี้ ศาลไม่เคยอนุญาตให้ประกันตัว โดยหลังจากมีคำพิพากษาศาลชั้นต้น นายวิวัฒน์ ก็ถูกควบคุมอยู่ที่เรือนจำคลองเปรมและไม่ได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ โดยวันนี้ศาลเบิกตัวนายวิวัฒน์ จำเลย มาฟังคำพิพากษา ซึ่งมีญาติและเพื่อนของจำเลย รวมทั้งญาติผู้สูญเสียมาร่วมฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ด้วย
ขณะที่ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า อัยการโจทก์ มีพนักงานสอบสวน ได้สืบสวนทราบว่ามีคนร้ายเกี่ยวข้องกับการยิงรวม 21คน ในจำนวนนี้มีชายชุดดำ คือนายวิวัฒน์ จำเลยคดีนี้รวมอยู่ด้วย ดังที่ปรากฏในภาพนิ่งที่เห็นชายชุดดำ ในสถานที่และเวลาเดียวกับที่เกิดเหตุหลายรูป
แต่แม้จะมีเทปภาพเคลื่อนไหวและภาพถ่ายจากหนังสือพิมพ์ โจทก์ก็ไม่ได้นำสืบถึงความเกี่ยวข้องหรือนำตัวผู้ถ่ายหรือประจักษ์พยานเบิกความประกอบให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องภาพมาเปรียบเทียบกับจำเลย หลักฐานดังกล่าวจึงไม่อาจยืนยันได้ว่าภาพจากกล้องวงจรปิดและตัวจำเลยนั้นเป็นคน ๆ เดียวกัน จึงมีเพียงคำให้การของจำเลยที่ให้การรับสารภาพ ที่ยังมีพิรุธเคลือบแคลงสงสัย พยานหลักฐานโจทก์ยังมีความสงสัยตามสมควร จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลย แต่ให้คุมขังไว้ระหว่างฎีกา
ภายหลัง น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทีมทนายความของนายวิวัฒน์ จำเลย กล่าวว่า จะเตรียมยื่นขอประกันตัวนายวิวัฒน์จำเลยต่อไป เบื้องต้นคาดว่าการประกันตัวจะต้องใช้หลักทรัพย์ 3,700,000 บาท ซึ่งตอนนี้เรายังไม่มีหลักทรัพย์แต่เชื่อว่ายังมีคนที่พร้อมจะช่วย
น.ส.พวงทิพยื ทนายความ กล่าวอีกว่า หลังจากศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง นายวิวัฒน์เองรู้สึกดีใจมากที่ส่วนคดีถ้าอัยการโจทก์ยื่นฎีกาเข้ามา ทนายความก็เตรียมที่จะแก้ฎีกา แต่หากไม่มีการยื่นฎีกาตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดคดีก็จะถือเป็นที่สิ้นสุดที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลคำพิพากษาเกินความคาดหมายหรือไม่ น.ส.พวงทิพย์ กล่าวว่าเราทราบอยู่แล้วว่าข้อเท็จจริงคดีนี้เป็นอย่างไรและมีพยานหลักฐานอะไรบ้าง ซึ่งอาวุธปืนที่ทำให้มีคนบาดเจ็บเป็นปืนกระบอกอื่นไม่ใช่ของจำเลย
ขณะที่ น.ส.เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว บุตรสาวนายอะแกว ผู้เสียชีวิตซึ่งขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม เปิดเผยหลังฟังคำพิพากษาทั้งน้ำตาว่า รู้สึกเสียใจไม่คิดว่าศาลจะยกฟ้อง หลังจากนี้จะขอให้ทนายความสู้คดีถึงที่สุด ซึ่งหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม โดยคดีนี้จับคนร้ายได้เพียงคนเดียว ขณะที่เหตุการณ์ในวันนั้น นายอะแกว บิดาได้มาหาตนที่ทำงานแล้วถูกลูกหลงเสียชีวิต ซึ่งบิดาไม่เคยไปร่วมชุมนุมทางการเมืองกับกลุ่มใดเลย

logoline