นายกฯพบ "ศรีสะเกษ" ก่อนประชุม ครม.

.ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์นี้ ได้มีการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. เพื่อติดตามสถานการณ์ทั่วไป โดยเฉพาะด้านความมั่นคง ที่ก่อนหน้านี้ มีการจับกุมอาวุธสงครามได้เป็นจำนวนมาก
และก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นายวิศักดิ์ศิลป์ วังเอก หรือ ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น แชมป์เปี้ยนโลกของสภามวยโลก ในรุ่นซุปเปอร์ฟลายเวต พิกัด 115 ปอนด์ ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยนายกรัฐมนตรี ได้ให้กำลังใจกับศรีสะเกษในการฝึกซ้อมเพื่อป้องกันแชมป์ต่อไป พร้อมระบุว่า เห็นถึงความตั้งใจ อดทน และใช้สมองถึงเอาชนะมาได้ โดยถือว่าเป็นความสุขให้คนไทย พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ฝากให้รักษาความดี เพราะการเอาชนะแชมป์โลกไม่ใช่เรื่องง่าย แต่การรักษาแชมป์โลกยากกว่า นอกจากนี้ ภายหลังการพูดคุย พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ใส่นวมชกมวยหยอกล้อกับศรีสะเกษด้วย
ขณะที่ศรีสะเกษ บอกว่า วันนี้รู้สึกตื่นเต้น และดีใจที่ได้พบนายกรัฐมนตรี โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้กำลังใจ เพื่อให้ป้องกันแชมป์ไปนานๆ ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้แนะนำให้เรียนให้จบปริญญาตรี และจะได้รับยศนายร้อย จากขณะนี้ได้รับยศสิบตำรวจตรี
ส่วนวาระการประชุมที่น่าสนใจ คาดว่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะเสนอแผนซื้อเรือดำน้ำจากจีน วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท เข้าพิจารณาในคณะรัฐมนตรี เนื่องจากกำหนดชำระเงินก้อนแรก 800 ล้านบาท ต้องจบภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ได้มีการเสนอแพ็กเกจมาตรการ สนับสนุนและส่งเสริมกิจการรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เตรียมเสนอแพ็กเกจส่งเสริมกิจการรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อจูงใจเอกชนเข้าร่วมลงทุนในสถานีชาร์จ รวมถึงจัดการซากแบตเตอรี่ในอนาคต
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา บอกถึงมาตรการดูแลความปลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ว่า พล.อ.ประวิตร จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ในการกำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อดูแลประชาชนเรื่องการเดินทาง การใช้ยานพาหนะ เพื่อลดอุบัติเหตุและการสูญเสียชีวิต โดยจะมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้น อาทิ การตั้งด่านตรวจ ไม่ว่าจะเป็นบนถนนสายหลัก หรือ ถนนสายรองโดยท้องถิ่น และการสร้างความเข้าใจกับประชาชนให้ใช้รถใช้ถนนอย่างมีวินัย มีวัฒนธรรมที่ดี พร้มขอประชาชนไม่ให้ดื่มสุราแล้วขับขี่ยานพาหนะทุกชนิดโดยเด็ดขาด เนื่องจากสถิติที่ผ่านมาเป็นสาเหตุหลักของการสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นช่วงของเทศกาลหรือช่วงปกติ