"พิชัย"ชี้เงินคงคลังลดฮวบส่อบริหารเศรษฐกิจแย่

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าเงินคงคลังลดลงจาก 200,000 ล้านบาทเหลือเพียง 74,907 ล้านบาทนั้น จริงๆ คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาสาหัสอะไร ถ้ารัฐบาลยังไม่มีแผนงานจะใช้เงินอะไรมากนักในช่วงนี้ แต่ปริมาณเงินคงคลังที่ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปีอาจแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการเงินคงคลังที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้มีการคาดประมาณรายรับรายจ่ายของรัฐบาลให้ดีเพียงพอ หากมองย้อนหลังจะพบว่ารัฐบาลไม่ได้มีการเตรียมพร้อมในทิศทางเศรษฐกิจ พยายามจะหลอกตัวเองว่าเศรษฐกิจดี หากจำกันได้ตนเคยออกมาเตือนไว้ว่าเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วจะไม่ดี แต่รัฐบาลกลับไม่เชื่อ และยังส่งหลายคนออกมาเถียง รวมถึงนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้วย แต่พอเศรษฐกิจไม่ดีจริงรัฐบาลก็เร่งออกมาตรการแจกเงินและอัดฉีดเงินกันอย่างวุ่นวายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นผลทำให้เงินคงคลังลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจที่แย่ทำให้รัฐบาลไม่สามารถเก็บภาษีได้อย่างที่ประมาณการไว้ ยิ่งทำให้ปริมาณเงินคงคลังลดลงไปอีก
ทั้งนี้แม้รัฐบาลอัดเงินจำนวนมากเข้าไปในระบบ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสสี่ก็ยังออกมาไม่ดีนัก ฉุดให้การเจริญเติบโตทั้งปีอาจเหลือแค่ 3.2% ไม่ถึง 3.5% ตามที่นายสมคิดออกมายืนยันหลายหน แสดงถึงปัญหาประสิทธิภาพของรัฐบาลในการบริหารจัดการเศรษฐกิจและการคาดการณ์ และแสดงถึงระบบการให้ข้อมูลของรัฐบาลที่ไม่ถูกต้องมาโดยตลอด โดยเฉพาะข้อมูลที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี เพราะตนได้เคยเตือนหลายหนว่า การลงทุนภาคเอกชนหดหายมาตั้งแต่รัฐประหาร
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ออกมาเถียงบอกว่าการลงทุนยังดี แต่แบงค์ชาติเพิ่งแถลงว่าการลงทุนต่างประเทศในปี 2559 ลดลงถึง 63% จากปี 2558 ที่แย่อยู่แล้ว และเหลือเพียง 1.15 แสนล้านบาทเท่านั้น ไม่ได้ดีอย่างที่พล.อ.ประยุทธ์บอก และยังมีเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากผู้นำสูงสุดของประเทศยังมีข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่ถูกต้องจะทำให้แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้อย่างแน่นอน ประชาชนจะยิ่งลำบาก ทั้งนี้ การลดลงอย่างมากของเงินคงคลังอาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าการบริหารจัดการทางเศรษฐกิจของรัฐบาลมีปัญหา และควรจะเร่งแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงเข้าทำงานแทน