svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"บิ๊กต๊อก" เผย ส่งข้อมูลคดี 112 ให้สถานทูต 7 ประเทศแล้ว

19 ตุลาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

19 ต.ค. 2559 - "บิ๊กต๊อก"เผยส่งข้อมูลคดี112 ให้สถานทูต 7 ประเทศแล้ว พร้อมระบุถิ่นที่ตั้งของ 19 ผู้ต้องหา วอนปชช.แยกให้ชัดระหว่างมาตรการสังคมกับกฎหมู่ ไม่มีใครมีสิทธิทำร้ายผู้อื่น ระบุคนกลุ่มนี้จับมาติกคุกก็ไม่หาย ชุมชนต้องร่วมกันปรับทัศนคติ

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาคดีความมั่นคงในราชอาณาจักร หรือคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กล่าวว่า วานนี้( 18 ต.ค.) ตนได้ลงนามในหนังสือส่งถึงเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทย ที่ผู้กระทำผิดมาตรา 112 เข้าไปพักอาศัยรวม 7 ประเทศ ระบุจำนวนผู้ต้องหา 19 ราย ที่พบว่าผู้กระทำผิดยังคงเคลื่อนไหวและกระทำการไม่บังควรอยู่ เพื่อแจ้งให้ฑูตประจำประเทศไทยทั้ง 7 ประเทศได้รับทราบ และขอร้องให้เข้าใจถึงความรู้สึกของคนไทย โดยระบุตำแหน่งที่พักอาศัยของผู้กระทำผิดไว้ด้วย 

ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นการละเมิดอธิปไตย เพราะเข้าใจว่าประเทศต่างๆไม่มีกฎหมายดังกล่าวแต่เป็นการขอร้องให้ประเทศที่เป็นมหามิตรย่อมเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนว่าประเทศไทยอยู่ในสถานะอย่างไร ถึงแม้จะไม่มีกฎหมายในลักษณะนี้ในต่างประเทศแต่คงจะได้กำกับดูแลไม่ให้สิ่งเหล่านี้กระทบกระเทือนจิตใจคนไทย อยากจะใช้คำว่ามันมากเกินไปที่จะทบรับสิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมาอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.)ได้รวบรวมข้อมูลส่งให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นหน่วยงานกลางประสานกับประเทศที่ผู้กระทำความผิดไปพักอาศัยมาโดยตลอด ขอให้ควบคุมไม่ให้คนกลุ่มดังกล่าวออกมาเคลื่อนไหวสิ่งใดที่เป็นการกระทบจิตใจของคนในประเทศ ที่ผ่านมามีการทำหนังสือถึงเป็นระยะ ทั้งนี้ตนขอยืนยันกับประชาชนว่าชุดทำงานคดีความผิด 112 ยังมีอยู่ และยังทำหน้าที่นี้อยู่อย่างเต็มความสามารถ 
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงการใช้มาตรการทางสังคมกับผู้กระทำผิดมาตรา 112ว่า มาตรการทางสังคมเป็นหนึ่งในมาตรการชุมชนที่สนับสนุนมาตรการทางกฎหมาย เพื่อปรับทัศนคติของกลุ่มบุคคลดังกล่าว โดยเห็นว่าหากใช้กฎหมายอย่างเดียวจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนทัศนคติได้ แม้จะมีการจับกลุ่มคนดังกล่าวเข้าเรือนจำก็คงไม่สามารถแก้ไขได้ แต่มาตรการทางสังคมจะทำให้ผู้กระทำผิดได้ฉุกคิดถึงการกระทำของตนเอง แต่มาตรการทางสังคมต้องเข้าใจว่าต่างจากการใช้กฎหมู่ 

ส่วนตัวมองว่าการใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ใช้กำลังก็เหมือนเป็นการทำไม่ทำตามกฎหมาย มาตรการทางสังคมต้องเป็นมาตรการที่ไม่ผิดกฎหมาย ในกรณีนี้ตนไม่ขอเน้นว่าเป็นเหตุการณ์ใดแต่พูดภาพรวมว่าไม่มีสิทธิที่จะทำร้ายร่างกายใคร เพราะการทำร้ายร่างกายเป็นการทำผิดกฎหมาย ไม่มีใครมีสิทธิใช้มาตรการทางสังคมทำร้ายร่างกายผู้อื่น แม้จะเป็นการทำโดยบริสุทธิ์ใจเพราะคนนั้นเป็นคนที่ทำร้ายประเทศที่กำลังเจ็บปวดอยู่ก็ตาม 
"ตำรวจทำหน้าที่อยู่แล้วไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าต้องทำอย่างไร กลุ่มนี้ในบางครั้งหรืออาจจะแทบทุกครั้งที่มีความเห็นและทัศนคติที่แตกต่าง แน่นอนว่าคนที่รักสถาบันทนรับไม่ได้ แต่การบังคับใช้กฎหมายไม่สามารถปรับแก้ทัศนคติได้ ไม่มีรัฐบาลใดบังคับใช้กฎหมายแล้วประสบความสำเร็จไปทุกเรื่อง ต้องใช้มาตรการชุมชนมาตรการสังคมเข้ามาเสริม แต่ต้องเข้าใจให้ชัดระหว่างกฎหมู่กับมาตรการสังคม 

วันนี้คนกลุ่มดังกล่าวก็ต้องกลับมาฉุกคิดเช่นกันว่า ทำไมเขาถึงได้รับการตอบโต้เช่นนี้ ถ้าเราจับคนพวกนี้เขาคุก เข้าตะรางไป ก็ปรับทัศนคติไม่ได้ เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องการคำอธิบายขณะที่กฎหมายเป็นการลงโทษ"พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

logoline