เส้นทางการเมืองสุขุมพันธุ์

ประสบการณ์ทางการเมืองของ หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษาอดีตนายกรัฐมนตรี ชาติชาย ชุณหะวัณ และรัฐมนตรีช่วยกระทรวงต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาล ชวน หลีกภัย รวมถึง การเสนอเป็นตัวประกันในเหตุการณ์กองกำลังติดอาวุธบุกเข้ายึดสถานทูตเมียนมาเมื่อปี 2542 ล้วนส่งให้ หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ มีเครดิตเพียงพอ ที่พรรคประชาธิปัตย์ ส่งชื่อลงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อปี 2551
หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ รับชัยชนะในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ด้วยคะแนนกว่า 930,000 หรือนับเป็น 45 เปอร์เซนต์ เป็นชัยชนะเหนือคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย ยุรนันท์ ภมรมนตรี ที่ได้คะแนนไปราว 600,000 คะแนน ไม่ผิดนัก หากจะพูดว่า 4 ปีในสมัยแรกของ หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ คือช่วงฮันนีมูนอย่างแท้จริง เพราะได้รับการสนับสนุนจากพรรคประชาธิปัตย์อย่างเต็มที่
รอยร้าวระหว่าง หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ กับ พรรคประชาธิปัตย์ เกิดขึ้นชัดเจน ก่อนการเลือกตั้งผู้ว่าฯปี 2556 โดยมีทั้งเสียงเห็นต่างภายในพรรค ที่ต้องการส่งให้คนรุ่นใหม่ อย่าง กรณ์ จาติกวณิช ลงสนามเลือกตั้งแทน แต่สุดท้าย หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ ยังคงยืนยันว่า ต้องทำงานนี้ ความขัดแย้งครั้งนี้ ทำให้ประชาธิปัตย์แบ่งเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน คือฝั่งที่สนับสนุน และไม่สนับสนุน หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ อีกต่อไป
หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ ชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สมัยที่สอง ด้วยคะแนนท่วมท้นกว่า 1 ล้าน 2 แสนเสียง และนับเป็นการย้ำแค้นพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง แม้ว่าคะแนนระหว่างทั้งสองพรรคจะสูสีมาตลอดช่วงหาเสียง หากแต่การรับตำแหน่งสมัยที่สอง สถานการณ์และคะแนนิยมของ หม่อมราชวงศ์สุขุมพันธุ์ ต้องเจอกับแรงเสียดทานอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยสำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่าง หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ กับ ผู้บริหารในประชาธิปัตย์ ที่ขาดสะบั้นลง คนในพรรคเริ่มมองว่าผู้ว่าฯ กทม. ไม่ทำงานตามนโยบายของพรรค ประกอบกับ ความขัดแย้งที่เป็นเชื้อไฟเดิมอยู่แล้ว ทำให้ ประชาธิปัตย์ ต้องประกาศยุติความสัมพันธ์กับ หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ปี 2559 จึงเป็นช่วงเวลาพลิกผันที่สุด ของหม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ เพราะต้องเจอกับปัญหารุมล้อม ทั้งจากคนในพรรคที่ออกมาสาวไส้กันเอง รวมถึง การตรวจสอบจากองค์กรอิสระ และ หน่วยงานของรัฐบาล จนมาถึงการถูกสั่งพักงานด้วย มาตรา 44 ของหัวหน้า คสช.