"เอนก" ชี้ผลประชามติผิดคาด " ปชป.-พท." แนะ 2 ขั้ว เร่งทบทวนยุทธศาสตร์

9 ส.ค.59 -- นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ อธิการวิทยาลัยรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึง ผลการลงประชามติว่า ไม่ควรเน้นว่าใครแพ้ใครชนะแต่ควรนำผลการลงประชามติเป็นครู ใครที่อยากทำอะไรให้ประชาชนหรือเพื่อประชาชน ควรจะวิเคราะห์ว่าประชาชนจริงๆ คิดอย่างไร ต้องการอะไร มีบางท่านที่ทำงานภาคประชาชน ไม่อยากรับรัฐธรรมนูญและไม่เห็นด้วยกับคำถามพ่วงที่ให้ ส.ว. ร่วมกับ ส.ส. เลือกนายกรัฐมนตรีใน 5 ปีแรก พากันเพลียใจกับผลประชามติ แต่สิ่งที่คนทำงานในภาคประชาชนควรคิด คือ เวลานี้ เราคิดไม่เหมือนประชาชนจริงๆเสียแล้ว
นายอเนก กล่าวว่า สองพรรคการเมืองใหญ่ควรทบทวนความคิด แผนการและยุทธศาสตร์ การจัดวางกำลังของตนเองอย่างจริงจังและเร่งรีบ ฝ่ายนำพรรคประชาธิปัตย์ไม่รับรัฐธรรมนูญ แต่คนกรุงเทพฯกลับรับรัฐธรรมนูญร่วม 70 เปอร์เซนต์ ส่วนภาคใต้รับรัฐธรรมนูญร่วม 80 เปอร์เซนต์ ประชาชนทำท่าจะไม่รับการชี้นำของพรรคเสียแล้ว จะมั่นใจอย่างไรว่าถ้าไม่เปลี่ยนอะไรเลย ถึงเวลาเลือกตั้งจะได้คะแนนจากกรุงเทพฯ และภาคใต้ เท่าเดิม นายอเนก กล่าวว่า ส่วนพรรคเพื่อไทยและกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) ไม่รับรัฐธรรมนูญ อย่างเปิดเผย แต่ภาคเหนือรับรัฐธรรมนูญ ขณะที่ภาคอีสานรับหรือไม่รับเท่าๆกัน ไม่ได้ปฏิเสธรัฐธรรมนูญชัดเจน พรรคทำท่าจะห่างเหินจากฐานเสียงเดิมมาก ดังนั้นถึงเวลาที่เพื่อไทยและ นปช. จะทบทวนจุดยืนและยุทธศาสตร์ของพรรคบ้าง

"ประชาชนดูเหมือนจะยอมรับสิ่งที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ทำมา 2 ปี และรับรองสิ่งที่รัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงต้องการทำ พูดง่ายๆ คือ จากนี้ไปจนถึงเลือกตั้งและ 5 ปีหลังจากนี้ อาจจะมีคนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ มี ส.ว. ที่มาจาก คสช. ทั้ง 250 คน และ ส.ว. นี้ มีอำนาจร่วมกับ ส.ส. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีนั้นอาจเป็นคนนอกสภาผู้แทนราษฎรก็ได้" นายอเนก กล่าว

นายอเนก กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามักจะคิดกันเองว่า ประชาชนคิดอย่างนั้น ต้องการอย่างนี้ ไม่เอาสิ่งนั้น ต้องการสิ่งนี้ นานๆครั้งประชาชนจะบอกด้วยการลงประชามติว่า อยากเห็นบ้านเมือง 6-7 ปีนี้เดินไปทางไหน เราต้องนับถือและฟังสิ่งที่ประชาชนบอกด้วย แต่แน่นอน การลงประชามตินี้ ฝ่ายที่ไม่รับ ไม่เอา ไม่มีโอกาสที่จะรณรงค์และคัดค้านได้ แต่จากสื่อสังคมและจากสื่อมวลชน ประชาชนรู้ได้ว่าผู้นำของตนคิดอย่างไร จะรับ จะเอา หรือ ไม่รับ ไม่เอา และเสียงที่รับและเอานั้นก็ชนะขาด ชัดเจน ควรที่ฝ่ายแพ้ก็ควรยอมรับ และฝ่ายชนะเองก็ไม่ควรเหิมเกริม

นายอเนก กล่าวว่า ประชาชนตกลงจะให้รัฐธรรมนูญที่รับรองว่า จะมีรัฐบาลที่นายกรัฐมนตรีไม่ใช่นักการเมืองจากการเลือกตั้งก็ได้ และนายกรัฐมนตรีมาจากเสียงสนับสนุนร่วมของ ส.ว. และ ส.ส. ใน 5 ปีแรกได้ แต่นั่นเป็นกลไกทางรัฐธรรมนูญและกฎหมาย แต่ในทางพฤติกรรมก็ยากจะหยั่งถึง ถ้านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่อยู่ในร่องในรอย ก็ไม่มีใครประกันได้หรอกว่าประชาชนจะไม่ออกมาขับไล่
"สิ่งที่รัฐบาลควรจะทำต่อจากนี้ไป คือ ทำให้ประชาชนมองเห็นว่า รัฐบาลที่ผิดแผกจากประชาธิปไตยทั่วไป จะเอาความมั่นคงและเสถียรภาพไปทำอะไร แน่นอนไม่ใช่เพื่อการเสวยสุขของ ฝ่ายคนนอก ฝ่ายพรรคใหญ่ ฝ่ายพรรคกลางและเล็ก แต่ต้องเป็นไปเพื่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อการปฏิรูปและเพื่อสันติสุข อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้หรือไม่ว่าการลงคะแนนโดยไม่มีเงินมาชักจูงชี้นำอย่างครั้งนี้ จะเป็นสาเหตุที่ผลการลงคะแนน ออกมาผิดคาดอย่างมาก และหากข้อสงสัยนี้เป็นจริง รัฐบาลและ คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ควรจะเชื่อมั่นและตั้งใจมากขึ้น ที่จะทำให้การใช้เงินทองเป็นสื่อชักจูงล่อใจประชาชนลดน้อยลงหรือหมดไปอย่างแท้จริง "นายอเนก กล่าว