เปิดงบประชามติ"กกต." ใช้เงินเกือบ 3 พันล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตรวจสอบงบประมาณในการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7 สิงหาคม 2559 ว่า การลงประชามติครั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลกว่า 2,991 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2550 จำนวน 1,491 ล้านบาท ซึ่งครั้งนั้นใช้งบประมาณกว่า 1,500 บาท
โดยงบประมาณปี 2559 ส่วนหนึ่ง กกต. นำไปจัดซื้ออุปกรณ์ในการออกเสียงประชามติ ที่ระบุในประกาศของกกต. ว่า มีอุปกรณ์ 4 รายการ ภายใต้งบประมาณ 37.3 ล้านบาท คือ
1.จ้างทำหีบบัตรออกเสียง จำนวน 5 หมื่นหีบ ภายในวงเงิน 12.5 ล้านบาท หรือ ใบละ 250 บาท ที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ได้ทำการทดสอบด้วยการโยนแล้วหล่นมาแตกต่อหน้าสื่อมวลชน ซึ่งนายสมชัยระบุว่า หีบบัตรลงคะแนนประชามติรูปแบบใหม่เป็นพลาสติกใส มีอายุการใช้งาน 10 ปี รับน้ำหนักได้ 100 กิโลกรัม ทนความร้อนได้ 56 องศาเซลเซียส ราคาต้นทุนใบละ 244 บาท ต่ำกว่าราคากลาง 6 บาท คือ 250 บาท
2.จ้างทำสายรัดหีบบัตรจำนวน 1.2 ล้านเส้น ภายใต้งบประมาณ 4.2 ล้านบาท หรือ เส้นละ 3.50 บาท 3.จ้างทำแนวกั้นแถบพลาสติกจำนวน 1 แสนม้วน พร้อมจัดส่ง ภายในวงเงิน 4 ล้านบาท หรือม้วนละ 40 บาท และ4.จ้างทำคูหาลงคะแนนทั่วประเทศ 92,500 คูหา พร้อมจัดส่ง ภายในวงเงิน 16,650,000 บาท หรือ คูหาละ 180 บาทส่วนการรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้โครงการกรประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติ ใช้งบประมาณ 24 ล้านบาท ที่มี บริษัท ไบร์ททีวี จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา
สำหรับงบประมาณจ้างพิมพ์สรุปย่อสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 20 ล้านเล่ม วงเงินงบประมาณ 113 ล้านบาท พิมพ์บัตรออกเสียงประชามติจำนวน 54.6 ล้านฉบับ ภายในวงเงิน 54.6 ล้านบาท และพิมพ์บัตรตัวอย่างออกเสียงประชามติ จำนวน 5 แสนฉบับ ภายในวงเงิน 5 แสนบาท เอกสารเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการออกเสียงประชามติจำนวน 137,500 เล่ม วงเงิน 1.1 ล้านบาท
ส่วนงบประมาณของวิทยากรกระบวนการระดับ ครู ก ครู ข และ ครู ค ที่มีหน้าที่เผยแพร่และประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ มีงบประมาณสนับสนุนภารกิจ รวมกว่า 458 ล้านบาท โดยมาจากกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. กว่า 258 ล้านบาท และได้รับการสนับสนุนจาก กกต.อีก กว่า 200 ล้านบาท