เมื่อเวลา14.00น. ที่ทำเนียบรัฐบาล มล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังนายจิรชัย มูลทองโร่ย รองปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและความผิดทางละเมิด เข้ารายงานตัวเลขความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวว่า ตนได้รับตัวเลขจากนายจีรชัย เพื่อจะรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ในวันที่3ส.ค.59 โดยตัวเลขที่ได้รับการยืนยันพบว่า ความเสียหายจากการบริหารจัดการโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ที่ 286,639ล้านบาท ส่วนของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวก อยู่ที่ 18,743 ล้านบาท
"ตัวเลขการระบายข้าวในสต็อกของฝ่ายบริหารในอดีต มีการรับมอบข้าวเข้ามาจำนวน 13.3 ล้านตัน แต่ส่งออกไปยังต่างประเทศไม่ถึง1ล้านตัน คงค้างในคลัง 13 ล้านตัน ยืนยันเราทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา ไม่เคยมีคำสั่งที่ลำเอียงหรือเลือกปฏิบัติทั้งสิ้น เตือนใจ ข้าราชการต้องไม่ทำตามอำเภอใจ บทเรียนในครั้งนี้จะสอนให้ข้าราชการใหม่ๆต่อไป ว่าข้าราชการต้องเป็นหลักไม่ใช่ทำอะไรตามอำเภอใจ" มล.ปนัดดา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวเลขดังกล่าวจะออกคำสั่งเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับบุคคลที่เกี่ยวข้องใช้หรือไม่ มล.ปนัดดา กล่าวว่า ขณะนี้เป็นตัวเลขที่ผ่านขั้นตอนที่พิจารณาด้วยความรอบคอบถี่ถ้วนจากทุกภาคส่วนที่ร่วมประชุม ความรับชอบนี้เป็นเรื่องของภาพรวมที่จะเกิด ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยและประชาชน ผลได้ผลเสียทุกอย่าง เป็นสิ่งเตือนใจว่าการทำงานอะไรก็ตามของภาครัฐ ถ้าเกิดขึ้นจากหน่วยงานหนึ่งหน่วยงานใด ผลที่ตามมาต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ด้านนายจิรชัย กล่าวว่า เป็นการรายงานสถานการณ์เรื่องข้าวโดยแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ความเสียหายในส่วนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน 2 แสนกว่าล้านบาท ซึ่งเคยให้การต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไป โดยเป็นตัวเลขที่ต้องรอคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นประธาน ต้องพิจารณาอีกรอบหนึ่ง ในส่วนของนายบุญทรง ที่เป็นค่าเสียหายจากการขายข้าวแบบจีทูจี จำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท แต่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง พิจารณาแล้วเห็นว่าควรปรับเพิ่มเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้องเป็น 2 หมื่นล้านบาท และเรื่องการระบายข้าวในสต็อกข้าวและข้าวคงเหลือในสต็อก ของรัฐบาลในอดีต โดยทั้งหมดจะมีการรายงานต่อที่ประชุม นบข.รับทราบ ในวันที่ 3 ส.ค.