"สุขุมพันธุ์" เดือด! ขู่ฟ้องกลับใครกล่าวหาผิด โครงการไฟประดับ 39 ล้าน

เมื่อวันที่ 4 พ.ค. เวลา 11.15 น. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. แถลงข่าวกรณีโครงการประดับไฟ งบประมาณ 39.5 ล้านบาท ภายหลังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) มีมติส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เอาผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิด เกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ ว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะสตง.เป็นองค์กรที่สำคัญที่คอยดูแลให้องค์กรของบ้านเมืองใช้จ่ายเงินให้เกิดประโยชน์ การที่สตง.มาใส่ใจในเรื่องนี้ซึ่งมีมูลค่าตามทีโออาร์อยู่ 39 ล้านบาท ตามโครงการท้องถิ่นอย่างกทม. ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งตลอด 7 ปีที่ผ่านมาตนได้ย้ำมาเสมอว่ากทม.ต้องทำงานโปร่งใส่และถูกกฎหมายทุกอย่าง เพราะตนไม่เคยสั่งให้ใครทำผิดกฎหมายแม้แต่ครั้งเดียว

ซึ่งสิ่งที่สตง.ได้ทำก็เป็นไปตามหลักการที่ตนได้มอบนโยบายตลอด 7 ปี ทั้งนี้ นโยบายสร้างมหานครแห่งความสุขและโอกาส เป็นนโยบายที่ถูกต้อง เนื่องจากในช่วงเวลาก่อนปีใหม่เกิดปัญหาหลายด้าน รวมถึงเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่กทม.ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ โดยเฉพาะให้กับกลุ่มคนรากหญ้า แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากในขณะนั้นกระบวนการทางงบประมาณได้เสร็จสิ้นไป ซึ่งก่อนหน้านี้งบประมาณที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวได้ขอไปอยู่ที่ 241 ล้านบาท แต่ถูกตัดมาเหลือแค่ 50 ล้านบาท ซึ่งตนก็เคารพกระบวนการการตัดงบตรงนี้ แต่ก็ต้องคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไร สำหรับการท่องเที่ยวจึงเป็นที่มาของโครงการนี้

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า โครงการนี้ไม่ได้เพิ่งคิดแล้วทำ แต่เป็นโครงการที่อยากทำมาหลายปีแล้ว เมื่อถึงเวลาตนก็ใช้อำนาจตรงนี้ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น ส่วนนโยบายนี้จะสำเร็จหรือไม่ ต้องไปถามคนอื่น แต่อยากบอกว่าตลอดช่วงเวลาวันที่ 30 ธ.ค.2558 ถึง 31 ม.ค.2559 มีคนมาร่วมงาน 1,700,000 คน มีเงินค่าใช้จ่ายหมุนเวีย 33 วัน 10 ล้านกว่าบาท หากสมมุติว่าโครงนี้ใช้งบประมาณ 39 ล้านบาท โดยมีผู้มาร่วมงาน 1,7000,000 คน ก็จะเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อหัว 20 กว่าบาทเท่านั้น และยังไม่นับการเผยแพร่ในโซเซียลมีเดีย อาจจะมีคนเกี่ยวข้องกว่า 16-17 ล้านคน อีกทั้งงานประดับไฟครั้งนี้มีชาวต่างชาติมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้โครงการนี้จึงไม่ใช่งบประมาณที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่กทม.ทำครั้งแรก เพราะยังเคยจัดงานที่คลองผดุงกรุงเกษม ก็ใช้งบประมาณไปว่า 20 ล้านบาท จึงขอยืนยันว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้อง และถ้าสตง.มีปัญหาเรื่องนี้ก็ต้องแนะนำตั้งแต่ต้น แต่ที่ผ่านมากับไม่มีการแนะนำอะไรเลย

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนได้พูดมาตั้งแต่ต้นว่า กทม.ได้ให้ข้อมูลกับสตง.ตั้งแต่โครงการนี้ยังไม่จบ ส่วนที่ตนไม่ได้ไปชี้แจงกับสตง. เพราะได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯกทม.ไปชี้แจงตามอำนาจ ในมาตรา 55 ตามพ.ร.บ.บริหารราชการกรุงเทพมหานคร ปี 2528 ตนจึงไม่ได้หนีไปไหน เพราะเป็นเรื่องปกติที่สามารถมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ ตั้งแต่รองผู้ว่าฯกทม.และข้าราชการอาวุโสไปชี้แจงได้ อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กทม.พร้อมให้ความร่วมมือ ทั้งในเรื่องเอกสารและข้อมูล แต่ตนไม่ต้องการอะไรมากเพียงแต่ขอให้หน่วยงานที่ตรวจสอบอ่านเอกสารให้ครบเท่านั้น หากตรงไหนติดขัดอะไร ก็ขอให้แจ้งมา แต่ที่สรุปมานานแล้วว่ากทม.ผิด เป็นเรื่องที่ตนประหลาดใจมากทั้งที่งานยังไม่เรียบร้อยก็ไม่ทราบว่า เป็นวิธีปฏิบัติที่ใช้กับกทม.หรือไม่ หรือถ้าเป็นวิธีปฏิบัติแบบนี้สตง.ก็ต้องไปใช้กับหน่วยงานอื่นด้วย

มติเมื่อวานนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการ ยังไม่มีใครผิดใครถูก แต่หากใครเขียนว่าผิดในเรื่องกฎหมายเห็นๆ ผมแบบนี้ ผมไม่ไว้หน้านะครับ ใครว่าผมผิด ผมฟ้องเลยนะครับ เพราะผมกำลังปรึกษากับฝ่ายกฎหมายอยู่ ผมเป็นห่วงลูกน้อง ลูกน้องผมต้องได้รับความเป็นธรรม ผมไม่ยอมให้ใครว่าลูกน้องผมผิด ผมจะให้ฟ้องทันที ถ้าไม่ชอบหน้าผมไม่เป็นไร แต่ให้ความเป็นธรรมกับลูกน้องผม ทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายการเมือง จากนี้หากติดขัดตรงไหนขอให้บอกมา ซึ่งในกทม.มีตัวแทนสตง.อยู่ แต่ที่ผ่านมากลับไม่แนะนำอะไรเลย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้องร้องสตง.หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขอปรึกษากับทีมงานก่อน เมื่อถามว่า กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาในเรื่องนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ผมเป็นรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ผ่านมาไม่มีการประชุมพรรค จึงเชื่อว่าไม่ใช่มติของพรรค เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนมีการใช้มาตรา 44 เพื่อปลดผู้ว่าฯกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ผมไม่นึกว่า ประชาธิปัตย์ชอบมาตรา 44 แต่อยากบอกว่า แต่ครั้งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการตรวจสอบ เมื่อถามว่า หาก ป.ป.ช.มีการชี้มูลความผิดจริง จะลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขอให้ถึงเวลานั้นก่อน