svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ศาลอาญา ไม่รับคดี "ยิ่งลักษณ์" ฟ้องกลับอดีตอสส.-ทีมอัยการ "คดีจำนำข้าว"

06 ตุลาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลอาญา ไม่รับคดี "อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์" ฟ้องกลับ "อดีตอัยการสูงสุด" และทีมอัยการคดีจำนำข้าว 3 คน ชี้ อัยการสั่งฟ้องชอบตามขั้นตอน กฎหมาย ไม่มีพิรุธนัยยะหรือเอี่ยวการถอดถอนตำแหน่งศาลวินิจฉัย คำฟ้องยิ่งลักษณ์ บรรยายตามเข้าใจเองไม่มีหลักฐานยืนยันอัยการส่อปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ด้าน " สมหมาย กู้ทรัพย์ " ทนาย เชื่อ อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ยื่นอุทธรณ์ต่อ ไม่หวั่นอีกฝ่ายฟ้องกลับ ยันพร้อมสู้คดีจำนำข้าวศาลฎีกานักการเมือง


ที่ห้องพิจารณา 712 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 6 ต.ค.58 เวลา 09.30 น. ศาลนัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำ อท.25/2558ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด , นายชุติชัย สาขากร ผู้ตรวจการอัยการ และอดีตอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ , นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ซึ่งเป็นคณะทำงานพิจารณาคดีโครงการจำนำข้าว และมีความเห็นสั่งฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกรัฐมนตรี คดีโครงการจำนำข้าว ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และร่วมกันกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตาม มาตรา 200 โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่นายสมหมาย กู้ทรัพย์ ทนายความ ได้เดินทางมาฟังคำสั่งคดีแทนศาลพิเคราะห์คำฟ้องและข้อกฎหมายแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ บรรยายฟ้องว่า จำเลยไม่ได้ ไต่สวนข้อสมบูรณ์ให้เสร็จสิ้นก่อนมีคำสั่งฟ้องนั้น เห็นว่า ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 10 วรรคสอง และ มาตรา 11 วรรคหนึ่ง เมื่อ ป.ป.ช.ไต่สวนข้อเท็จจริงสรุปสำนวนพร้อมทั้งทำความเห็นส่งให้ อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว หากอัยการสูงสุด มีความเห็นว่าเรื่องที่ส่งมานั้นมีข้อไม่สมบูรณ์และแจ้งข้อไม่สมบูรณ์ไปยัง ป.ป.ช.โดยให้อัยการสูงสุด และป.ป.ช.ตั้งคณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่งโดยมีผู้แทนของแต่ละฝ่ายในจำนวนที่เท่ากัน เป็นคณะทำงานพิจารณาพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์และรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ส่งให้อัยการสูงสุดเพื่อฟ้องคดีต่อไปจึงเห็นได้ว่า บทบัญญัติ ได้กำหนดกระบวนการทำงาน หน้าที่ของอัยการสูงสุด และอำนาจหน้าที่ของคณะทำงานร่วม ในการพิจารณาข้อที่ไม่สมบูรณ์ตามที่อัยการสูงสุด ตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เห็นชอบด้วยหรือไม่ และส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อไปซึ่งตามฟ้องโจทก์กล่าวเพียงว่า นายตระกูล จำเลยที่ 1 มีความเห็นสั่งฟ้องโจทก์ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการไต่สวนข้อไม่สมบูรณ์ยังไม่แล้วเสร็จ แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายยืนยันว่าไม่มีการประชุมของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายเพื่อพิจารณาหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ก่อนที่นายตระกูล จำเลยที่ 1 จะส่งฟ้อง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์อ้างคำสัมภาษณ์ของบุคคล จากรายงานข่าวว่ายังไม่มีการประชุมของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายนั้น ก็เป็นข้อมูลจากสื่อมวลชน ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการ ขณะที่ในส่วนของสำนักงานอัยการสูงสุด นายสุรศักดิ์ จำเลยที่ 3 ก็ได้แถลงเมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 ว่าคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาหลักฐานร่วมกันแล้ว จึงแสดงว่า ก่อนที่นายตระกูล จำเลยที่ 1 จะสั่งฟ้องได้มีการประชุมของคณะทำงานร่วม

ศาลอาญา ไม่รับคดี "ยิ่งลักษณ์" ฟ้องกลับอดีตอสส.-ทีมอัยการ "คดีจำนำข้าว"


ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ บรรยายฟ้องว่า นายตระกูล จำเลยที่ 1 มีความเห็นส่งฟ้องโจทก์กะทันหัน ก่อนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะลงมติถอดถอนโจทก์ ในคดีที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหาโจทก์ เพียง 1 ชั่วโมงนั้น ศาลเห็นว่า ไม่มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายตระกูล จำเลยที่ 1 ว่าจะไปกลั่นแกล้งโจทก์แต่อย่างใด อีกทั้งเรื่องการถอดถอนโจทก์ก็เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ส่งเรื่องไปที่ประธาน สนช. ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 56 (1) ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้ผูกพันกับผลการไต่สวนข้อเท็จจริงในความผิดทางอาญา คำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงมีลักษณะเป็นความเข้าใจของโจทก์เอง ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้ยืนยันว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานอัยการ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ มีเจตนากลั่นแกล้งฟ้องโจทก์ให้ต้องรับโทษแต่อย่างใดและที่ฟ้องว่า สำนวนคดีจำนำข้าว เป็นการฟ้องเท็จในสาระสำคัญที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้กล่าวหาและยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ศาลเห็นว่านายตระกูล จำเลยที่ 1 ในฐานะอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง บรรยายฟ้องชัดเจนว่า ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีมูลความผิด ซึ่งบรรยายฟ้องตามการพิจารณาของ ป.ป.ช.ไม่ได้เป็นการบรรยายฟ้องที่เป็นเท็จในสาระสำคัญแต่อย่างใดสำหรับที่ โจทก์ อ้างว่า การพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ พวกจำเลย ได้ยื่นบัญชีระบุพยานนอกสำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.ที่ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และไม่ได้ไต่สวนไว้ในคดีนั้น เห็นว่า แม้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจาณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 5 ให้ศาลยึดรายงานของ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา แต่ก็ให้อำนาจศาลไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร โดยศาลมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลหรือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำและจำเลยมีสิทธินำพยานเข้าไต่สวนเพื่อหักล้างพยานโจทก์ได้อยู่แล้ว การกระทำของจำเลยทั้ง 4 จึงชอบด้วยกฎหมาย ยังไม่อาจรับฟังด้วยว่าจำเลยทั้งสี่ กระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษาให้ยกฟ้องภายหลัง นายสมหมาย กู้ทรัพย์ ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ต้องไปหารือกับทีมทนายความก่อน ซึ่งต้องขอคัดคำสั่งศาลโดยละเอียด เพื่อดูว่าจะมีข้อกฎหมายหรือประเด็นใดที่จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำสั่งศาลได้หรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอาญา ไม่รับคดี "ยิ่งลักษณ์" ฟ้องกลับอดีตอสส.-ทีมอัยการ "คดีจำนำข้าว"


ส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยมีการเผยแพร่ข้อมูลทางกฎหมายผ่านสื่อโซเชียลของนักกฎหมายบางคน เห็นว่า การยื่นฟ้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ครั้งนี้ อาจเข้าข่ายเป็นการฟ้องเท็จนั้น ตนเห็นว่าการยื่นฟ้องครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการฟ้องเท็จ แต่เป็นการฟ้องไปตามข้อเท็จจริง เพียงแต่ที่ศาลวินิจฉัยวันนี้ระบุว่าเป็นความเข้าใจของโจทก์เองที่เห็นว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่มิชอบอย่างไร ดังนั้น ไม่ห่วงหากอีกฝ่ายจะฟ้องกลับ เพราะเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการฟ้องไปมา ส่วนคดีทุจริตจำนำข้าวในศาลฎีกาฯ ที่ผ่านมาได้มีการตรวจพยานหลักฐานไปแล้ว ซึ่งเราก็พร้อมพิจารณาไปตามคดี

logoline