สนช.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ชุมนุม

การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวานที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ โดยให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันประกาศราชกิจจานุเบกษา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว เพื่อกำหนดสิทธิชุมนุมสาธารณะให้ชัดเจน เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน โดยมีสาระสำคัญคือ ห้ามจัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง ห้ามจัดการชุมนุมสาธารณะภายในพื้นที่ของรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล ศาล และการจัดชุมนุมให้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้งก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
โดยในการอภิปราย มีสมาชิกสนช.หลายคนแสดงความเป็นห่วงมาตรา 4 ที่กรรมาธิการตัดคำนิยามเรื่อง ศาล หมายความว่า ศาลแพ่ง หรือศาลจังหวัดที่มีเขตอำนาจเหนือสถานที่ที่มีการชุมนุม ทำให้สมาชิกที่ได้แสดงความเห็น และแปรญัตติกันมากว่า ศาลที่อยู่ในอำนาจตามกฎหมายฉบับนี้เพียงแค่ศาลที่ระบุไว้ ดังนั้นควรจะเพิ่มให้อำนาจศาลปกครองไว้ด้วย ทำให้มีผู้สงวนและสมาชิกขออภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยอยากให้มีการระบุเรื่องเขตอำนาจศาลให้ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นช่องทางร้องเรียน ในกรณีมีการกระทำเกินกว่าเหตุ
ขณะที่ตัวแทน กรรมาธิการได้ชี้แจงว่า ไม่จำเป็นต้องกำหนดคำนิยามดังกล่าว เพราะการจะฟ้องศาลใด ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีที่เกิดขึ้นว่าจะขึ้นอยู่กับศาลใด หากจะไปกำหนดให้ขึ้นอยู่กับเฉพาะศาลแพ่งกับศาลจังหวัด การกระทำทุกการกระทำจะตกอยู่ภายใต้แค่สองศาลเท่านั้น จะไม่สอดคล้องกับระบบศาลคู่ของไทย ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนว่า แต่ละกรณีจะอยู่ในเขตอำนาจศาลใด จึงอยู่ที่การบังคับใช้ตามกฎหมายของศาลนั้น โดยหลังจากที่ กมธ.ชี้แจงแล้ว ทำให้สมาชิกไม่ติดใจ
สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายนี้ นอกจาก ห้ามจัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง และห้ามจัดการชุมนุมภายในพื้นที่ของรัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และศาลแล้ว การชุมนุมสาธารณะต้องไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือ รบกวน สถานที่ทำการหน่วยงานรัฐ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ หรือ สถานีขนส่งสาธารณะ โรงพยาบาล สถานทูต หรือ กงสุลของรัฐต่างประเทศ
ผู้จัดการชุมนุมมีหน้าที่ ดูแลการชุมนุมให้เป็นไปด้วยความสงบและปราศจากอาวุธ และผู้ชุมนุมต้องไม่ปราศรัยใช้เครื่องขยายเสียงในระหว่างเวลา 24.00 -06.00 น.// ไม่เดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมระหว่างเวลา 18.00- 06.00 น. และในกรณีผู้ชุมนุมไม่เลิกการชุมนุมตามกำหนดหรือฝาฝืนกฎหมาย มาตรา 21 ให้ เจ้าพนักงาน ร้องศาลแพ่ง หรือศาลจังหวัดในพื้นที่ เพื่อให้มีคำสั่งเลิกชุมนุมต่อไป ผู้ใดฝ่าฝืนกฎหมายต้องระวางโทษจำคุกหรือทั้งจำและปรับ