svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ศาลฎีกาพิพากษากลับ รอลงอาญา"เก่ง การุณ" หมิ่นอดีต สส.ปชป.

26 มีนาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลฎีกา พิพากษากลับ จากอุทธรณ์ยกฟ้อง ให้บังคับคดีตามศาลชั้นต้น คุก 1 ปี ปรับ 4 หมื่น เก่ง การุณ อดีต ส.ส.เพื่อไทย หมิ่น สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.ปชป. หลังเหตุวิวาทสภาปี 51 แต่ยังปรานีโทษจำคุก ให้รอลงอาญา 2 ปี เจ้าตัวขอบคุณศาลเมตตา ยันไม่มีปัญหา สมเกียรติ


ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 26 มี.ค.58 เวลา 09.30 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.1462/2551ที่นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายการุณ หรือเก่ง โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 23 เม.ย.51 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 เม.ย.51 จำเลยได้ทำร้ายร่างกายโจทก์ด้วยการใช้เท้าถีบท้องน้อยโจทก์อย่างแรง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ที่รัฐสภา ต่อมาวันที่ 3 เม.ย.51จำเลยได้ให้สัมภาษณ์หมิ่นประมาทโจทก์ ทางสถานีวิทยุ คลื่นเอฟ เอ็ม ความถี่ 90.5 เมกกะเฮิร์ท และรายการสยามเช้านี้ ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 ทำนองว่า โจทก์ปลุกระดมฆ่า แต่จำเลยเป็นเพชรที่ต้องเข้ามาทำงานเพื่อประชาชน ส่วนโจทก์มาจากพวกจ้องล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มาจากการปฏิวัติ รัฐประหาร และข้อความอื่นซึ่งล้วนเป็นความเท็จ ซึ่งโจทก์ในฐานะที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นอาจารย์ ซึ่งเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาของคนในสังคมต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงขณะที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค.54 เห็นว่า การกล่าวของจำเลย ไม่ได้ติชมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ให้จำคุก 2 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุกทั้งสิ้น 12 เดือน และปรับ 2 กระทงๆ ละ 20,000 บาท รวมปรับ 40,000 บาท แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงอาชีพและสภาพความผิดแล้ว มีเหตุอันควรปรานีโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาย่อใน นสพ.เดลินิวส์ ไทยรัฐ และมติชน เป็นเวลา 3 วันด้วยโดยเมื่อวันที่ 19 ก.ค.56 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษากลับให้ยกฟ้อง เนื่องจาก เห็นว่าเป็นการกล่าวโจมตีทางการเมืองกันของนักการเมืองต่อนักการเมืองที่มีความน่าเชื่อถือให้คล้อยตามได้น้อย และคำกล่าวของจำเลยว่าโจทก์เป็น ส.ส. เพราะได้รับรางวัลจากการปฏิวัติรัฐประหารนั้น ดูไม่สมเหตุสมผลที่ประชาชนบุคคลทั่วไปจะเชื่อถือได้ ที่จำเลยอุทธรณ์มาฟังขึ้น ต่อมาโจทก์ยื่นฎีกาขอให้พิพากษาลงโทษจำเลยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้เป็นข้อยุติว่า ก่อนที่จำเลยจะให้สัมภาษณ์สื่อวิทยุและโทรทัศน์ในวันที่ 3 เม.ย.51นั้นได้เกิดเหตุที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนซึ่งขณะนั้นเป็นรัฐบาลได้อภิปรายพาดพิงถึงโจทก์ในการเป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งหลังจากการอภิปรายขณะโจทก์นั่งอยู่ที่โรงอาหาร อาคารรัฐสภา จำเลยได้เข้ามาพูดคุยโดยใช้วาจาหยาบคายกับโจทก์และใช้เท้าถีบท้องน้อยจนมีผู้นำตัวจำเลยออกไป ซึ่งในวันเดียวกันประธานสภาได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวคดีจึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จากข้อเท็จจริงที่มีการทำร้ายร่างกายกันระหว่างโจทก์ จำเลยแล้ว ในวันรุ่งขึ้น 3 เม.ย.51 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์สื่อ โดยระบุทำนองว่าโจทก์กับจำเลยมีแหล่งที่มาต่างกัน จำเลยมาจากความไว้วางใจของพี่น้องประชาชน
ส่วนโจทก์มีที่มาจากการรัฐประหาร ที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยและได้รับรางวัลจากพรรคประชาธิปัตย์ให้มีชื่อเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น ก็เกิดจากความไม่พอใจที่โจทก์ได้แจ้งความดำเนินคดีกับจำเลยภายหลังเกิดเหตุ ซึ่งการให้สัมภาษณ์ของจำเลยเป็นลักษณะที่ปฏิเสธกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบิดเบือน ใส่ความโจทก์ มีเจตนาเพื่อให้บุคคลที่สามเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ไม่ใช่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตหรือติชมด้วยความเป็นธรรมตามข้อยกเว้นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 329 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย จึงพิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกจำเลย 2 กระทงๆ ละ 6 เดือน รวมจำคุก 12 เดือน และปรับ 2 กระทงๆ ละ 20,000 บาท รวม ปรับ 40,000บาท แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อน และเมื่อคำนึงถึงอาชีพและสภาพความผิดแล้ว มีเหตุอันควรปรานี โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี โดยให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อใน นสพ.เดลินิวส์ ไทยรัฐ และมติชน เป็นเวลา 3 วันด้วยภายหลัง นายการุณ อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ถือว่าศาลท่านเมตตา และพร้อมจะปฏิบัติตามคำพิพากษา สำหรับพวกเราทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยต่างเป็นคนของสาธารณะ ย่อมมีการกระทบกระทั่งกัน เหมือนลิ้นกับฟัน สิ่งใดที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้ผ่านไป ก็ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและจะทำสิ่งที่ดีที่สุดในวันข้างหน้าต่อไป ส่วนคดีที่ตนถูกอัยการฟ้องทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ และคดีที่ตนยื่นฟ้องหมิ่นประมาทนายสมเกียรติ และคดีที่นายสมเกียรติยื่นฟ้องหมิ่นประมาทตน 2 สำนวน ทั้งหมดยุติแล้ว ผมกับอาจารย์สมเกียรติ เจอกันก็ยังทักทายกันอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงบางช่วง บางเวลาที่เฉียดกันไปเฉียดกันมา แต่ว่าไม่ได้โกรธเคืองกันเป็นการส่วนตัว นายการุณ ระบุ

logoline