svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก 11 ปี "สมยศ" หมิ่นเบื้องสูง

19 กันยายน 2557
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

พิพากษาอุทธรณ์ ยืนคุก 2 กระทง 10 ปี สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีต บก. นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ ตีพิมพ์บทความหมิ่นเบื้องสูงปี 53 รวมนับโทษคุก 1 ปีคดีหมิ่นสพรั่ง สุดท้ายคุก 11 ปี เจ้าตัวขอสู้ฎีกาต่อ ขณะที่ติดแล้ว 3 ปี 6 เดือน

ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 19 ก.ย.57 เวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.2962/54 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 53 ปี อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TUKSIN) และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนา เพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ตามฟ้องอัยการ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.54 ระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 15 ก.พ. - 15 มี.ค.53 จำเลย เป็น บก.นิตยสาร วอยซ์ ออฟ ทักษิณ ได้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย เผยแพร่นิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ : เสียงทักษิณ ปีที่ 1 ฉบับที่ 15 ปักษ์หลัง เดือน ก.พ. 2553 ที่พิมพ์บทความ คมความคิด ของผู้ใช้นามปากกาว่า จิตร พลจันทร์ เรื่องแผนนองเลือดกับยิงข้ามรุ่น หน้าที่ 45 - 47 โดยเนื้อหาบทความสื่อ พาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งไม่มีมูลความจริง และระหว่างวันที่ 1 - 15 มี.ค.53 เวลากลางวัน จำเลยยังจัดพิมพ์ จำหน่ายและเผยแพร่ นิตยสารเสียงทักษิณ ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มี.ค.53 บทความ คมความคิด ของจิตร พลจันทร์ เรื่อง 6 ตุลาแห่ง พ.ศ.2553 หน้าที่ 45-47 เนื้อหาสื่อ พาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง  ซึ่งไม่มีมูลความจริง เหตุเกิดที่แขวง-เขตวังทองหลาง กรุงเทพ ฯ และทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักรไทย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58,91,112 และขอให้นำโทษจำคุกคดีอาญาหมายเลขแดง อ.1078/2552 ที่หมิ่นประมาท พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ซึ่งศาลอาญานี้ได้มีคำพิพากษาแล้ว มาบวกกับโทษจำคุกคดีนี้ด้วย จำเลยให้การปฏิเสธต่อสู้คดีว่าเป็นเพียงลูกจ้างในนิตยสาร ได้รับค่าตอบแทน 25,000 บาทต่อเดือน และจำเลยไม่มีเจตนา ซึ่งนามปากกาการเขียนบทความ จิตร พลจันทร์ คือนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้เขียนบทความส่งมายังนิตยสารเป็นประจำและได้มีการตีพิมพ์หลายครั้ง โดยเมื่อจำเลยอ่านบทความแล้วเห็นว่าเป็นการกล่าวถึงอำมาตย์เท่านั้น และเป็นการกล่าวเตือนถึงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ได้หมายถึงสถาบันเบื้องสูง ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 ม.ค.56 เห็นว่า แม้ เนื้อหาในบทความทั้ง 2 ฉบับ ไม่ได้กล่าวถึงชื่อบุคคล แต่เขียนโดยมีเจตนาเชื่อมโยงเหตุการณ์ในอดีต และเมื่อนำเหตุการณ์มาเชื่อมโยงแล้ว สามารถระบุได้ว่าหมายถึง สถาบันเบื้องสูง จึงพิพากษาจำคุกจำเลย 2 กระทงๆ ละ 5 ปี รวมจำคุก 10 ปี และให้นับโทษ 1 ปี คดีหมิ่นประมาท ฯ พล.อ.สพรั่ง ด้วย รวมจำคุกจำเลย ทั้งสิ้น 11 ปี ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี ประเด็นว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นบรรณาธิการ และขณะนั้น พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 ที่บัญญัติเกี่ยวกับความรับผิดในฐานะบรรณาธิการ ได้ถูกยกเลิกโดย พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ.2550 แล้ว ดังนั้นจำเลย ซึ่งเป็นเพียงบรรณาธิการ ไม่ใช่ผู้ประพันธ์บทความ จึงไม่ต้องรับผิด และบทความของผู้ประพันธ์ นามปากกา จิตร พลจันทร์ นั้นกล่าวถึงระบบอำมาตย์ มิใช่สถาบันเบื้องสูงศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า ตามฟ้องโจทก์ ได้บรรยายความผิดของจำเลยว่า ได้ตีพิมพ์ และจัดหน่ายนิตยสารที่บทความมีเนื้อหาหมิ่นสถาบัน ซึ่งขณะนั้นปรากฏว่ามีจำเลยเพียงผู้เดียวที่มีอำนาจหน้าที่ในตำแหน่งบรรณาธิการ ซึ่งการกระทำที่มีการเผยแพร่จัดจำหน่ายดังกล่าวเป็นการกระทำผิดขอให้ลงโทษฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มิใช่การกล่าวหาให้ต้องรับผิดตามพ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ฯ อุทธรณ์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์โดยนำแบบเรียนประวัติศาสตร์ เอกสารที่อ้างอิงเนื้อหาจากพงศาวดาร มายื่นประกอบการพิจารณาอ้างว่าเนื้อหาในบทความเป็นการกล่าวถึงเหตุการณ์และการปกครองในประวัติศาสตร์นั้น อัยการโจทก์ได้โต้แย้งว่าเอกสารดังกล่าวจำเลยไม่ได้นำมายื่นต่อสู้คดีตั้งแต่แรก จึงเป็นการอ้างเอกสารขึ้นมาใหม่ ซึ่งประเด็นดังกล่าวได้มีการพิจารณาในศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว ศาลอุทธรณ์จึงไม่รับพิจารณาคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ฯ หรือไม่ ซึ่งจำเลยได้ต่อสู้ว่า เนื้อหาในบทความเป็นการย้อนรอยถึงประวัติศาสตร์และระบบอำมาตย์ แต่คดีนี้อัยการโจทก์มีพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารสังกัดความมั่นคงฯ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และข้าราชการสังกัดสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี รวมทั้งข้าราชการบำนาญของหอสมุดแห่งชาติ ซึ่งพยานดังกล่าวไม่เคยรู้จักหรือไม่เหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ต่างเบิกความสอดคล้องกันว่าเมื่ออ่านบทความแล้วเข้าใจได้ทันทีว่า มีการเปรียบเทียบสถานการณ์ปัจจุบันกับช่วงสถานการณ์ในอดีต แม้ไม่ได้มีการระบุชื่อชัดเจน แต่เมื่ออ่านบทประพันธ์ทั้งหมดแล้ว ทำให้ย้อนรอยถึงประวัติศาสตร์ช่วงการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีมาเป็นราชวงศ์จักรี ซึ่งบทความดังกล่าวมีเนื้อหาทำนองที่ไม่เชิดชู และเสียดสีสถาบัน ขณะเดียวกันการพิมพ์ตัวอักษรในบทความบางคำก็ได้ใช้ตัวดำ- หนา ยิ่งเป็นการตอกย้ำในการสื่อความหมายยิ่งขึ้น ขณะที่เนื้อหาในบทความก็ขัดกับหลักพื้นฐานความรู้และเหตุผลตามประวัติศาสตร์ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยกระทำผิดมาตรา 112 รวม 2 กระทงๆ ละ 5 ปี ให้จำคุกจำเลย 10 ปีนั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน และให้นับโทษ 1 ปี คดีหมิ่นประมาท ฯ พล.อ.สพรั่ง ด้วย รวมจำคุกจำเลย ทั้งสิ้น 11 ปี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายปณิธาน บุตรชาย รวมทั้งภรรยาของนายสมยศ ไม่ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา ขณะที่สมยศได้ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวมาจากเรือนจำมาฟังคำพิพากษาเพียงลำพัง โดยนายสมยศ กล่าวสั้นๆ ว่า จะยื่นฎีกาต่อสู้คดีทั้งในข้อเท็จจริงและประเด็นข้อกฎหมายในการยื่นแบบเรียนด้านประวัติศาสตร์ ส่วนตัวเองเวลานี้ถูกคุมขังในเรือนจำมานาน 3 ปี 6 เดือนแล้ว ซึ่งตอนนี้ตนก็อายุ 53 ปีแล้วสุขภาพก็เป็นไปตามสภาพที่อยู่ในเรือนจำ

logoline