"ประวิตร - อุดมเดช" ถือฤกษ์ 06.09 น. เข้ากระทรวงกลาโหม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ถือกฤษ์ในเวลา 06.09 น. ทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากนั้น
ต่อมาเวลา 06.19 น. ทำพิธีสักการะองค์พระหลักเมือง ก่อนที่จะเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหมเพื่อสักการะเจ้าพ่อหอกลอง ณ ศาลเจ้าพ่อหอกลอง พร้อมได้ถวายสักการะพระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในชั้น 2 สำนักงานผู้บังคับบัญชา กรมเสมียนตรา พร้อมสักการะรูปหล่อจอมพลและมหาอำมาตย์เอกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง ชูโต) ณ หน้าห้องสุรศักดิ์มนตรี ถวายสักการะพระบรมรูปและพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ หน้าห้องภาณุรังษี และเข้าสักการะพระบรมรูปจอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ฯ ณ ห้องภาณุรังษี 
โดยมีพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล เสนาธิการทหาร และว่าที่ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด และว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ และว่าที่ผู้บัญชาการทหารเรือ และพล.อ.อ ตรีทศ สนแจ้ง เสนาธิการทหารอากาศ และว่าที่ผู้บัญชาการทหารอากาศ เข้าร่วมพิธี โดยมีพล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับ
จากนั้นในเวลา 7.20 น. รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางลงมารับการเคารพจากการสวนสนามของกองทหารเกียรติยศผสม 3 เหล่าทัพ 1 กองพัน ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม ก่อนจะเข้าฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของกระทรวงกลาโหม ภายในห้องภาณุรังษี
พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ามอบนโยบายการทำงานให้กับข้าราชการกระทรวงกลาโหม ว่า กระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ดูแลงานด้านความมั่นคง ให้กับรัฐบาลอยู่แล้ว ในฐานะที่ตนได้เข้ามารับผิดชอบในส่วนของรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และรมว.กระทรวงกลาโหม จะดูแลเรื่องการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน ให้มีประสิทธิ์ภาพมากที่สุด
ซึ่งสถานการณ์ในขณะนี้ เราได้มีการดูแลกันอยู่แล้ว ทั้งนี้อีก 1-2 วัน ตนจะเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐทั้งหมดมาพูดคุยกัน ว่าจะเดินหน้าในเรื่องนี้ไปทางไหน พร้อมทั้งการบูรณาการ เพื่อให้การทำงานมีความคล่องแคล้ว รวดเร็ว และเกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เห็นผลโดยจะมีการประเมินผลงาน 2 - 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งจะต้องให้เห็นภาพชัดเจน ว่าประชาชนจะได้รับความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้ง จะดำเนินการให้ครอบคุมทุกพื้นที่ในประเทศไทย เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมการดูแลนักท่องเที่ยว 
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับนโยบายการปราบปรามการทุจริต และคอรับชั่น ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ  (คสช.) และรัฐบาลนั้น ทุกหน่วยงานต้องมีเรื่องนี้แทรกเข้าไปอยู่แล้วไม่ต้องห่วง ในส่วนของกระทรวงกลาโหมเองเรายึดถือในความโปร่งใส เป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งให้ทุกคนในประเทศช่วยกันขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและคสช.ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด 
โดยเฉพาะสื่อมวลชนถือเป็นส่วนสำคัญขอให้ช่วยกัน อย่ามโน ให้มากนัก ในส่วนของสภาปฏิรูป (สปช.) ซึ่งตนเป็นคณะกรรมการอยู่นั้นก็จะต้องคัดเลือกบุคคล เข้าไปทำหน้าที่เพื่อหาแนวทางในการปฏิรูปประเทศว่าต้องเป็นอย่างไร เพื่อจะให้ประชาชนอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งทาง คสช. มีความมุ่งมั่นอยู่แล้วที่จะทำให้ประเทศชาต่อเดินหน้าไปด้วยความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ได้ย้ำอยู่เสมออยู่แล้ว
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ในส่วนการดูแลพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น อยู่ในความดูแลของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอานาจักร (กอ.รมน.)  อยู่แล้ว แต่เรายังไม่ได้ลงไปในรายละเอียด สำหรับการพูดคุยเพื่อสันติสุขนั้น ยังต้องไปดูในเรื่องของรายละเอียด  ซึ่งทางนายกฯได้ให้นโยบายชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นการพูดคุยเพื่อสันติสุข ส่วนกรณีที่นายถวิล เปลี่ยนสี เลขาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เดินทางไปหารือ กับเลขาสมช. ประเทศมาเลเซีย ถึงแนวทางการพูดคุยนั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน  ตนมั่นใจว่ารัฐบาลนี้และคสช. จะนำพาประเทศชาติเดินหน้าไปได้อย่างแน่นนอน