"ปนัดดา"จับมือเคลียร์ 3 สมาคม อปท.

ที่ทำเนียบรัฐบาล เครือข่ายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประกอบด้วย สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย เข้าพบ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อประชุมการกำหนดแนวทางพัฒนาการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ดีใจที่ได้มีโอกาสพบปะพูดทำความเข้าใจกัน ในฐานะที่เราเป็นผู้อยูใต้ร่มพระบารมีเดียวกัน ตนไม่เคยแบ่งแยกว่าใครจะเป็นข้าราชการ ประชาชน หรือพ่อค้า ในจิตสำนึกของตน ทุกคนเท่าเทียมกัน ตนไม่เคยมีความคิดที่จะแบ่งแยกความเป็นข้าราชการส่วนกลาง ภูมิภาค หรือท้องถิ่น ดังนั้นอย่าได้เชื่ออะไรตามคำร่ำลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยุบ หรือการปรับเปลี่ยนอะไรต่างๆ เหล่านั้นกลายเป็นตำนานเล่าขานไปแล้ว"จะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเป็นยุคของประชาธิปไตย เป็นเรื่องการมีส่วนร่วมของระบอบประชาธิปไตยที่ต้องช่วยกันคิด ผมอยากเห็นอปท.พัฒนาไปสู่การปฎิรูป เดินหน้าเพื่อความอยู่ดีมีสุขของประชาชน และในฐานะปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการปะจำ จะขอทำงานร่วมกับพวกท่าน ดูแลงานกระจายอำนาจให้แก่อปท.ที่จะถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดตามแนวทางของนายกฯหรือหัวหน้า คสช.ที่กล่าวไว้ในทิศทางการพัฒนาการกระจายอำนาจให้แก่อปท. สำนักนายกฯเป็นเพียงตัวเล็ก ๆ ที่ต้องคอยประสานงานอะไรต่าง ๆ ทั้งหลาย ตำแหน่งรมต.ประจำสำนักนายกฯ ที่ได้ดำรงตำแหน่งเพิ่มมา ก็จะทำให้ตนได้มีโอกาสทำงานรับใช้อปท. รับใช้ประชาชนได้กระฉับกระเฉงแคล่วคล่องว่องไว มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อคิดอะไรต่างๆที่ได้ถ่ายทอดลงในเฟสบุ๊กส่วนตัวของผม เป็นอะไรที่ไม่ได้คิดมุ่งร้ายกับใครทั้งสิ้น ผมไม่เคยเหมารวมว่าเป็นทั้งองค์กร จังหวัด กระทรวง อปท.หนึ่งอปท.ใด ด้วยสัตย์จริงไม่เคยพูด แม้แต่ในเฟสบุ๊กก็ใช้คำว่าแห่งนี้ จะให้พูดได้อย่างไร คงถูกฟ้องร้อง สิ่งที่พูดไปไม่ได้คิดอะไรเป็นอย่างอื่น นอกจากอยากให้ อปท.ยั่งยืนสิ่งอะไรที่ผู้คนตั้งข้อท้วงติงมาก็อย่าไปทำ น้องๆสื่อต้องช่วยพี่ อย่าไปเขียนให้พี่ขัดแย้งกับใคร พอกันที อีก 2 ปีจะกราบลาอายุราชการแล้ว" รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวม.ล.ปนัดดา กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีคนเขียนมาให้ข้อมูลว่า "มีข้าราชการคนหนึ่งขึ้นไปกินเหล้าบนเครื่องของสายการบิน 747 แต่แอร์โฮสเตสไม่ขายให้ ก็เดินเข้าไปในครัวเอง ไปเปิดลิ้นชักเอาวิสกี้ออกมา พอเมาให้ได้ที่ ก็มาเล่นไพ่กันอย่างสนุกมากที่หน้าห้องน้ำ จนกัปตันต้องเอากุญแจมือมาใส่นักพนัน เพราะบนน่านฟ้าเขาถือว่ากัปตันคือตำรวจ เพราะเขาไม่มีตำรวจประจำเครื่องบิน ทางสายการบินทำเรื่องฟ้องร้องราชการไทยถึงการกระทำเหล่านี้ ซึ่งเป็นที่น่าตกอกตกใจของคนในเครื่องบิน"ซึ่งตรงนี้ผมไม่ได้หมายถึง อปท. อย่าเข้าใจผมผิด แต่เป็นเรื่องหน่วยงานอื่น จากนี้ไปผมจะไม่เอ่ยชื่ออะไรทั้งสิ้น สื่อช่วยผม ผมอยู่ทำเนียบฯ 3 เดือนแล้ว คงรู้จักดี และนี่คือสารพัดเรื่องที่ส่งมา ผมก็พยายามถ่ายทอดให้ฟัง ผมเข้าใจดีกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา และอะไรที่พูดไปแล้วก่อให้เกิดความไม่สบายใจ ต้องขออภัย จากนี้ไปเรามาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมไม่เคยหลงอำนาจ ลุแก่อำนาจ เมื่อครั้งอยู่มหาดไทยก็เตือนเพื่อนมหาดไทยเสมอว่าเราต้องไม่เป็นเจ้าขุนมูลนาย ต้องไม่เป็นอำมาตย์ อย่างที่ใครต่อใครเรียกกัน อำมาตย์นี้เข้าใจว่าสื่อถึงข้าราชการ ไม่ใช่ใครอื่น ที่ไปเดือดเนื้อร้อนใจว่ากล่าวกันคงจะสื่อกันผิด" ม.ล.ปนัดดา กล่าวม.ล.ปนัดดา ยังกล่าวเชิญชวนให้อปท.ไปสมัครสปช.เพื่อสะท้อนปัญหาในสิ่งที่ต้องการปฎิรูป เพราะสปช.คือหัวใจที่จะทำหน้าที่เป็นสถาปนิกของประเทศด้วยทางด้านนายชัยมงคล ไชยรบ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)แห่งประเทศไทย และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ที่ผ่านมาข่าวการให้สัมภาษณ์ของม.ล.ปนัดดา อาจจะเกิดจากความจริงใจของท่าน แต่มันได้เกิดผลกระทบวงกว้างและความรุนแรงต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น"ผมเคยพูดกับสื่อหลายครั้งว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ไม่ได้มีคนดีทั้งหมด ซึ่งก็เหมือนกับองค์กรทั่วๆไป แต่สิ่งที่ปรากฏต่อสื่อนั้น อปท.ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงวันนี้จึงอยากมาเสนอข้อมูลเพื่อให้ท่านได้มองอีกมุมหนึ่งที่ท่านสามารถเอาไปพูดโดยไม่ต้องกลัวการติดคุก ผมขอยืนยันกับปลัดสปน.ด้วยความจริงใจว่าพวกผมที่มากันในวันนี้สำนึกในความเป็นคนของประชาชน เรากลัวสิ่งที่ประชาชนจะตราหน้าว่าเราเป็นคนเลว เพราะเรามาจากประชาชนจึงเห็นว่าวันนี้เราจะทำทุกวิถีทางที่จะให้เกิดศรัทธาของประชาชน ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกิดความศรัทธาได้คือการทำความดีต่อประชาชน ผมเชื่อมั่นว่ากระบวนการกระจายอำนาจคือต้นน้ำของประชาธิปไตย ผมเชื่อว่าการคืนความสุขให้ประชาชนก็คือการกระจายอำนาจ และเชื่อว่าท้องถิ่นรู้ปัญหาท้องถิ่นดีกว่าส่วนกลาง และมากกว่าข้าราชการประจำด้วยซ้ำไปเพราะเราอยู่กับพื้นที่ตลอด" นายกสมาคมอบจ.กล่าวนายชัยมงคล กล่าวต่อว่าสิ่งที่ตนอยากนำเสนอคือข้อมูลการศึกษาซึ่งได้รับฟังความเห็นจากประชาชนที่แสดงความเห็นต่ออปท.และได้เสนอข้อมูลปัญหาในการจัดทำงบประมาณให้กับอปท.ปี58 ที่สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจภายใต้สังกัดสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำร่วมกับสำนักงบประมาณโดยไม่ได้นำรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณเข้าหารือกับคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่อปท. จนเป็นเหตุให้งบประมาณปี 58 มีสภาพกระจุกตัว ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่คสช.ได้กำหนดให้มีการกระจายงบประมาณอย่างทั่วถึงนายชัยมงคล กล่าวด้วยว่า วันนี้อปท.แม้ว่าจะได้รับความเสียหายได้รับผลกระทบที่สื่อมวลชนนำเสนอ ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง แต่เรายอมจบ เรายอมเจ็บเพราะเรารู้ เราเข้าใจว่าวันนี้ประเทศชาติต้องการความปรองดอง ประเทศชาติกำลังก้าวเข้าสู่การปฏิรูป ตนคิดว่าปัญหาที่ปลัดสปน.นำเสนอต่อสื่อมวลชน ควรนำเข้าสู่สภาการปฏิรูปและเชื่อว่าการทุจริตน่าจะเป็นหัวข้อต้น ๆ ในการพิจารณา พวกตนน้อมรับในเส้นทางประชาธิปไตย และเชื่อว่าวันนี้ปลัดสปน.มีความจริงใจต่อแผ่นดิน ต่อประชาชนไม่ต่างจากพวกเรา การทุจริตเป็นสิ่งไม่ดีแทนที่จะชี้ไปข้างหน้าว่าคนโน้นเลว คนนี้โกง เรามาร่วมมือกันระหว่าง อปท. สร้างกฏ กติกาในการควบคุมคนไม่ดี ไม่ให้มาบริหารบ้านเมืองจะดีกว่านายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายกเทศมนตรีตำบลยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ และนายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย (ส.ท.ท.) กล่าวว่า วันนี้เทศบาลทั้งประเทศกำลังเดือดร้อนเรื่องงบประมาณ ตนจึงขอเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับ อบต.ที่มีอยู่ประมาณ 5,000 แห่ง และเทศบาลกว่า 2,000 แห่ง เนื่องจากการกระจายงบประมาณให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปกติจะต้องมีการเรียกประชุมคณะอนุกรรมการด้านการเงิน การคลัง และงบประมาณ ของคณะกรรมการกระจายอำนาจ เพื่อกำหนดทิศทางว่าจะนำเงินให้แก่ท้องถิ่นเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้มีคสช.เกิดขึ้น สำนักงบประมาณได้ใช้อำนาจในการไม่เรียกประชุม จึงทำให้ตัวเลขการจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปตามอำนาจหน้าที่ออกมาน้อย ซึ่งเงินจำนวนนี้ เราต้องนำไปจ่ายเป็นเงินเดือน ค่าตอบแทน เงินประกันสังคม ฯลฯการขึ้นเงินเดือนของรัฐบาลแต่ละสมัย ไม่เคยขึ้นเงินเดือนให้ท้องถิ่นเลย ขึ้นแต่ตัวเลข ไม่เคยนำงบกลางมาจ่าย และให้ท้องถิ่นเอาเงินที่มีอยู่น้อยนิดมาจ่ายเป็นเงินเดือนเอง เรามีความเดือดร้อนมาก ล่าสุดนโยบายของคสช.เอาใจข้าราชการทั่วประเทศ ผมเห็นด้วย แต่ต้องนำเงินมาอุดหนุนท้องถิ่นด้วย แต่นี่กลับถูกตัดงบประมาณปี 58 จากกว่า 61,000 ล้านบาท เหลือ 37,000 ล้านบาท ขณะที่มีการตั้งเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้ แต่ไม่ได้จัดสรรตามหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกระจายอำนาจกำหนด เราต้องไปวิ่งเอากับครม. คสช.หรือคณะกรรมการที่กำหนด ซึ่งพวกผมคงจะไม่มีปัญญา ตอนนี้ท้องถิ่นทั่วประเทศเดือดร้อน และเกิดปฏิกิริยาจากอบต.และเทศบาล ดั้งนั้น เราจึงอยากฝากเรื่องนี้ถึงนายกรัฐมนตรีให้เป็นวาระเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหา นายเกรียงไกรกล่าวนายนพดล แก้วสุพัฒน์ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณรูปแบบใหม่อาจเกิดการกระจุกตัว เนื่องจากเงินอุดหนุนทั่วไปมีเงื่อนไขมากขึ้น ทำให้งบประมาณรายจ่ายประจำถูกรวมเข้าไปด้วย ควรจะมีเวทีในการแก้ปัญหา เพื่อให้สะท้อนปัญหาในพื้นที่จริง ในส่วนท้องถิ่นพร้อมทำงานร่วมกับรัฐบาล ขอเจ้าภาพในการประสานงานข้อมูลเพื่อแก้ปัญหาโดยตรง อนาคต การแก้ปัญหาให้ประชาชน กฎหมายที่จะออกในอนาคตมีหน้าที่แต่ไม่มีอำนาจทางกฎหมายก็ทำให้ประชาชนไม่ได้รับการแก้ปัญหานายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย กล่าวอีกว่า ขอให้มีการบูรณาการการทำงานขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยขอให้เอาภารกิจที่เป็นประชานิยมของกระทรวงต่าง ๆ ออกจากสัดส่วนของงบประมาณของ อปท. ให้เป็นเงินอุดหนุนทั่วไปของ อปท.ที่สามารถบริหารจัดการได้ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุที่ควรอยู่ที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ เงินนมโรงเรียน ควรอยู่ที่กระทรวงศึกษาฯ เป็นต้น ตอน คสช.รัฐประหาร ท้องถิ่นดีใจมากเพราะถูกบีบรัดมาตลอด มีระบบประชานิยมมาซ่อนในงบฯ ท้องถิ่นตลอด และจะเชื่อได้อย่างไรว่างบฯ ประมาณที่ถูกระบุไว้ในเงินอุดหนุนเฉพาะกิจจะไม่มีการวิ่งเต้น ซึ่งตนได้สอบถามไปยังสำนักงบประมาณก็ไม่ได้รับคำตอบได้แต่การอ้างอำนาจ คสช.เท่านั้นนายวีระชัย ชมสาคร ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(สกถ.) กล่าวว่า หากเป็นภาวะปกติจะการพิจารณางบประมาณจะต้องได้รับนโยบายจากคณะกรรมการกระจายอำนาจก่อน ในการกำหนดสัดส่วนต่างๆ แต่เหตุการณ์ไม่ปกติ แต่ตอนนี้เป็นรัฐบาล คสช.มีแนวคิดอยากเร่งให้เงินเข้าสู่ระบบและทำงบประมาณปี 58 เริ่มได้ในเดือนตุลาคมและเข้าสภาโดยเร็ว แต่ระยะเวลาไม่ทันกัน จึงจำเป็นต้องบรรจุเข้าสภาโดยเร็ว ดังนั้นการกำหนดงบประมาณจึงไม่ได้มีการประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจ และใช้วิธีการสนองนโยบาย คสช.โดยเร็ว อย่างไรก็ตามในส่วนพรบ. งบประมาณรายจ่ายยังไม่ลงรายการ จึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้เสนอขอให้อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นและตัวแทนจากสำนักงบประมาณมาเข้าร่วมหารือในวันที่ 3 ก.ย. 9.00 น.ด้านตัวแทนจาก อบต.นาทวี จ.สงขลา กล่าวว่า กรณีจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่สามารถจัดเก็บรายได้ในท้องถิ่น หายไปกับนโยบายรัฐบาล เช่น รายได้จากนิติกรรมที่ดิน เพราะต้องช่วยเหลือตามนโยบายของฝ่ายความมั่นคง ขณะที่รายจ่ายของการปกครองส่วนท้องถิ่นยังคงต้องจ่าย แม้จะมีหน่วยความมั่นคงลงไปก็ตาม จึงยังคงความซับซ้อน จึงขอให้รัฐบาลช่วยด้วย เพราะเงินที่สนับสนุนหลายหมื่นล้านก็เข้าไม่ถึงท้องถิ่นอย่างจริงจังทั้งนี้ม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า ผลที่น่ายินดีจากกการประชุมครั้งนี้ คือ ได้มีการพูดจาหารือรู้จักกัน เป็นการจุดประเด็นในการเดินหน้าหาความโปร่งใส สำหรับเรื่องการจัดสรรงบประมาณในวันพรุ่งนี้ (3ก.ย.) ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะมีการจัดประชุมในกลุ่มเล็ก โดยมีผู้แทนจากสำนักงบประมาณ มาร่วมด้วย ซึ่งจะมีการพูดจาอย่างเปิดอกกันว่าส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่นรู้อย่างไร เพื่อให้เกิดความชัดเจน หารือถึงจุดที่ทำให้แต่ละฝ่ายขาดความเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่างไรก็ตามที่ได้มีการพูดคุยในวันนี้นั้น ผู้บริหารส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ อยากให้ภาพรวม ขึ้นตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเดียว โดยตนจะหาทางแก้ไขให้ดีที่สุด