เวทีพลังงาน ดุ อัด "เสือนอนกิน"

จากความขัดแย้งและความเข้าใจไม่ตรงกันเรื่องพลังงาน จนนำมาสู่การรณรงค์ปฏิรูปพลังงานโดยกลุ่มต่างๆ และการเดินรณรงค์จากภาคใต้เพื่อเข้า กทม.ของ กลุ่มขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน และสุดท้ายก็ถูกตำรวจจับกุม เนื่องจากมองว่าผิดกฎหมายเนื่องจากชุมนุมเกิน 5 คน
วานนี้จึงได้เกิดวงเสวนาการปฎิรูปพลังงานเพื่อความปรองดองของชาติ ขึ้นที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต ที่มีหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นผู้จัดงานและดำเนินรายงาน โดยมีทั้งสองฟากฝั่งเข้าร่วม โดยฝ่ายหนึ่งประกอบด้วย กลุ่มบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ ตัวแทนกระทรวงพลังงาน ตัวแทนบริษัท ปตท.ตัวแทนการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ตัวแทนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะที่อีกฝ่ายเป็นตัวแทนภาคประชาชน
แน่นอนว่าได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม มาเข้าร่วมรับฟังเกือบพันคนจนล้นมาถึงบริเวณด้านหน้าเวที และบรรยากาศคุกรุ่นตั้งแต่เริ่ม โดยทหารได้ขอให้ผู้เข้าร่วมงานทุกคนต้องลงทะเบียนหน้างานเพื่อรับสติ๊กเกอร์วงกลมสีส้มและสีเขียวเพื่อใช้เข้าร่วมงาน รวมทั้งมีทหารและตำรวจชายหญิงหลายร้อยนายยืนรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ส่วนคนที่ถูกจับตาเป็นอย่างมากคือวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอรัปชั่น ซึ่งเป็นผู้ถูกทหารจับกุมจากการเดินรณรงค์ปฏิรูปพลังงาน วันนี้เขาถูกปล่อยตัวมาให้ร่วมการเสวนา
บรรยากาศในวงเสวนานั้น บนเวทีถูกแบ่งเป็น 2 ฝั่งโดยมีหลวงปู่พุทธะอิสระอยู่ตรงกลาง ด้านขวาเป็นตัวแทนภาคประชาชนเป็นผู้ถาม อาทิ นายวีระ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี ขณะที่ด้านซ้ายเป็นตัวแทนจากบริษัทกลุ่มพลังงาน เป็นผู้ตอบ อาทิ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ ประธานกรรมการบริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) นายไพโรจน์ กวียานันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทเชฟรอน ประเทศไทย เป็นต้น

จากนั้นหลวงปู่พุทธะอิสระ ได้ชี้แจงถึงกติกาว่าจะถูกแบ่งเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย 1.ช่วงถามตอบขอให้มีเอกสารหลักฐานชัดเจน หากพบว่าใครโกหกก็ติดคุก 2.ช่วงตั้งกระทู้ถามสด และ 3.ช่วงแลกเปลี่ยนระดมความคิดเรื่องพลังงาน ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วงเสวนาถามตอบ ปัญหาพลังงานของชาติในช่วงแรก
ที่น่าสนใจคือ บทบาทของหลวงปู่พุทธะอิสระ ในวันนี้ที่อยู่ในฐานะทั้งผู้ประสานงาน ผู้ดำเนินรายการ ผู้ซักถาม รวมถึงตั้งข้อสังเกตุหลายทีตั้งคำถามตรงๆ ไปถึงบริษัทพลังงาน และ หลายทีต้องคอยเตือนผู้ร่วมงานที่มีทั้งปนบมือ และโห่ฮา หลายคนตั้งคำถามถึงเป้าประสงค์ในการจัดงานครั้งนี้
เมื่อเริ่มต้นทั้งนี้ ตัวแทนภาคประชาชนได้ตั้งคำถามเกี่ยวการบริหารงานของ ปตท.ร่วมถึงที่มาของท่อก๊าซในอ่าวไทย ซึ่งหลายครั้งที่หลวงปู่พุทธะอิสระต้องขัดจังหวะการถามและตอบ หากพบว่าตัวแทนทั้งสองฝ่ายถามและตอบไม่ตรงประเด็น โดยเฉพาะในช่วงที่นายวีระ ได้เน้นถามถึงทรัพย์สินท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ระบบขนส่งปิโตเลี่ยมทางท่อก่อนการแปรรูป ปตท.มาจากภาษีประชาชนและอำนาจมหาชนได้ดำเนินการ เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ ซึ่งทาง ปตท.ได้ยืนยันถึงคำวินิจฉัยและคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดว่าท่อดังกล่าวไม่ได้มาจากอำนาจของมหาชน แต่ฝ่ายตัวแทนภาคประชาชนก็พยายามถามว่าสรุปแล้วท่อก๊าซเป็นของประชาชนหรือไม่ เพราะรู้สึกว่า ปตท.ตอบไม่ตรงคำถาม
จากนั้นผู้เข้าร่วมงานได้ปรบมือส่งเสียงเชียร์เป็นระยะ จนหลวงปู่พุทธะอิสระต้องประกาศให้ผู้ร่วมงานอยู่ในความสงบ รักษามารยาทในการร่วมงาน และห้ามยกป้ายสนับสนุนเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม การถามตอบผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมงในประเด็นเกี่ยวกับที่มาและการแบ่งแยกทรัพย์สินของท่อก๊าซในอ่าวไทยไม่สามารถสรุปได้ ทำให้หลวงปู่พุทธะอิสระได้ประกาศขอรับผิดชอบ โดยขอให้แต่ละฝ่ายนำหลักฐานมามอบให้ เพื่อจะนำเรื่องขึ้นสู่ศาลด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันในประเด็นคำถามจากนายปานเทพ ในเรื่องปัญหาโครงสร้างของราคาซื้อขายก๊าซแอลพีจี ก็ยังมีการโต้เถียงระหว่าง 2 ฝ่ายอยู่หลายครั้งเช่นกัน
ต่อมากลุ่มตัวแทนภาคประชาชนได้ถามว่า ปตท.ว่า เป็นเสือนอนกินที่เอาเปรียบประชาชนหรือไม่ ซึ่งผู้เข้าร่วมงานขณะนั้นได้ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันว่า "ใช่" แต่นายปิยสวัสดิ์ก็ได้พยายามขอตอบทันทีว่า เรื่องเสือนอนกินเป็นการกล่าวหาใส่ร้าย ปตท.คำพูดนี้สั้นๆ แต่เสียหายมาก ทันใดนั้นเองได้เกิดเหตุวุ่นขึ้นเล็กน้อย เมื่อผู้เข้าร่วมงานได้ตะโกนส่งเสียงโห่ร้องคำพูดของนายปิยสวัสดิ์ดังลั่นห้องจัดงาน ทำให้หลวงปู่พุทธะอิสระได้ประกาศขอให้ทุกฝ่ายอยู่ในความสงบเพื่อให้งานเสวนากลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง
จากนั้นเวลา 12.57 น.เข้าสู่ช่วงที่ 2 โดยไม่มีการพักรับประทานอาหารกลางวันจากบนเวที รวมถึงกับพักฉันท์เพลของหลวงปู่พุทธะอิสระ เป็นการตั้งกระทู้ถามสดโดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานจำนวน 10 คนสามารถสิบถามตัวแทนกลุ่มพลังงานได้โดยตรง ซึ่งคำถามส่วนใหญ่เกี่ยวกับสิทธิของประชาชนต่อพลังงานในประเทศไทย รวมถึงผลกระทบต่อการขุดเจาะน้ำมันในแต่ละพื้นที่ รวมถึงรายได้ของปตท.จำนวนมหาศาลนำไปใช้ในด้านใด
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระได้สอบถามไปยังตัวแทนกลุ่มพลังงานด้วยตัวเองเรื่องราคาน้ำมัน และให้พลังงานในประเทศถูกไปใช้ในภาคครัวเรือนเท่านั้น ส่วนภาคอุตสาหกรรมให้ไปใช้พลังงานภายนอกประเทศได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ก็มีเสียงแทรกดังขึ้นจากบริเวณหลังห้องเสวนาว่า ตอบไม่ตรงคำถาม ในขณะที่นายปิยสวัสดิ์ตอบคำถามเรื่องการใช้พลังงาน ทำให้หลวงปู่อิสระต้องประกาศอีกครั้ง ว่า ขอความร่วมมือจากผู้ร่วมงาน เพราะกว่าจะเกิดงานนี้ได้ ก่อนหน้านี้เราได้ตกลงกับนายปิยสวัสดิ์แล้วว่าการมาร่วมเสวนาจะไม่ทำเหมือนเป็นจำเลยของสังคมในที่นี้
ต่อมาเป็นช่วงที่ 3 มีการเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายแลกเปลี่ยนระดมความคิดเรื่องพลังงาน อาทิ ข้อเสนอให้ยกเลิกกองทุนน้ำมัน จากหนี้กองทุนน้ำมัน 7-8 พันล้านบาท โดยให้ภาคปิโตรเคมีได้ปรับเงินเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นจาก 1 บาทเป็น 5-10 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อลดภาระของกองทุนน้ำมัน ข้อเสนอให้กลุ่มพลังงานเปิดเผยสัญญาสัมปทานทั้งหมด ในฐานะเจ้าของพลังงานตัวจริง ข้อเสนอยกเลิกให้ข้าราชการเป็นกรรมการกำหนดนโยบายเกี่ยวข้องกับบริษัทพลังงานโดยเฉพาะ ปตท.ทั้งหมดแม้แต่บริษัทเดียว ข้อเสนอขอให้ปตท. เปิดเผยข้อมูลโครงสร้างปิโตรเคมีทั้งระบบอย่างละเอียด ให้ประชาชนตรวจสอบได้ในทุกกรณี ข้อเสนอให้กระทรวงพลังงานและ คสช.ยุตินำท่อก๊าซมาแปรรูปและให้มีวาระแห่งชาติเพื่อสนับสนุนพลังงานทางเลือก เป็นต้น
ทั้งนี้หลวงปู่พุทธะอิสระ พูดในตอนท้ายว่า ฉันไม่คิดว่าจะไปฟอกตัวให้ ปตท.หลวงปู่ไม่ได้สู้เพื่ออะไร แต่สู้เพื่อให้แผ่นดินนี้ได้อะไร ส่วนใครไม่ได้เข้ามาร่วมที่นี่และไปพูดให้เสียหายที่อื่น เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และเปิดโอกาสให้ คสช.เขาก้าวไปวันข้างหน้าเพื่อพลังงานประเทศ ส่วนข้อเสนอในวันนี้จะพิมพ์ส่งให้ คสช.ต่อไป