"สมชาย" เชื่อ สนช.สายอื่น ไม่เป็นตรายางให้สายทหาร

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปฏิเสธไม่ทราบถึงกรณีมีบุคคลเสนอชื่อให้เข้ารับการแต่งตั้งเป็นสนช. แต่เมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้ว ตนมีความตั้งใจที่จะเข้าไปทำงานตามที่มีหน้าที่ และพร้อมจะสานงานต่อในเรื่องการปฏิรูปสื่อมวลชน งานด้านคุ้มครองผู้บริโภค และงานด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะงานที่ตนได้ปฏิบัติหน้าที่ช่วงที่เป็นสมาชิกวุฒิสภาคือการตรวจสอบข้อเท็จจริงการละเมิดสิทธิ์ของประชาชน การใช้ความรุนแรงต่อประชาชนที่ร่วมชุมนุมทางการเมืองรอบที่ผ่านมา อาทิ กรณีคนร้ายยิงนายสุทิน ธราทิน แกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) จนถึงแก่ความตาย เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วเชื่อว่างานสนช.จะต้องสอดรับกับงานปฏิรูปประเทศที่มีส่วนงาน อาทิ สภาปฏิรูปแห่งชาติ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เกี่ยวข้องอยู่ ดังนั้นในส่วนของของการตั้งกรรมาธิการสามัญประจำสนช. นั้นต้องตั้งให้สอดรับกัน หรืออาจตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาหรือศึกษาเรื่องปฏิรูปประเทศเพื่อเป็นคณะทำงานคู่ขนานไปด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีคำวิจารณ์ว่าสนช.ภาคอื่นที่เข้ามาจะมีบทบาทแค่ตรายางของฝ่ายทหารเท่านั้น นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น อีกทั้งการทำงานด้านนิติบัญญัตินั้นต้องดูภาพรวม ทั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญด้วย อีกทั้งรายชื่อสนช.ที่ปรากฎ แม้จะมาจากสายทหาร หรือตำรวจล้วนเป็นบุคคลระดับผู้ใหญ่ที่มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ ขณะที่ในแนวทางการทำงานสนช.ต้องสอดรับกับการปฏิรูปประเทศ โดยในรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 กำหนดอย่างชัดเจนต่อทิศทางการปฏิรูปไว้ในมาตรา 35 ว่าด้วยกรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จำนวน 10 เรื่อง
ผมไม่คิดว่าสนช.ที่เข้ามาที่ส่วนใหญ่เป็นคณะทหารที่ถนัดเฉพาะเรื่องงานมั่นคง จะละทิ้งการแก้ไขปัญหาสังคมหรือปัญหาของภาคประชาชน หากพิจารณาค่านิยม 12 ประการตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศไว้ ที่ครอบคลุมงานด้านสังคม ศึกษา วัฒนธรรม แล้วผมเชื่อโดยสดุดีว่าทิศทางการทำงานจะไม่ละทิ้งงานภาคประชาชนอย่างเด็ดขาด นายสมชาย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของสนช. ในสายของกลุ่ม 40 สว. ต่อการเข้ารายงานตัวต่อวุฒิสภา ช่วงวันที่ 1- 5 ส.ค. ว่า ส่วนใหญ่ อาทิ พล.อ.ธีรเดช มีเพียร นายพีระศักดิ์ พอจิต นายสมชาย แสวงการ และพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม จะเดินทางเข้ารายงานตัวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เนื่องจากขณะนี้ (1 ส.ค.) ยังติดภารกิจส่วนตัวอยู่ที่ต่างจังหวัดและต่างประเทศ และในวันที่ 4 ส.ค. เวลาเที่ยงวัน สนช.สายอดีตส.ว.กลุ่ม40 นำโดย นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย สนช. ได้นัดสนช.และอดีตส.ว.ในกลุ่ม40 รับประทานอาหารร่วมกัน ทั้งนี้ พล.อ.ธีรเดช เปิดเผยว่า เป็นการนัดทานข้าวร่วมกันเป็นปกติเพราะได้นัดกันมาแล้วหลายครั้ง ทั้งนี้การนัดหมายดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สนช. เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ขณะที่สถานที่นัดหมายนั้นยังไม่ได้สรุปแน่ชัด