ไม่ได้มาเล่นๆนาจา! เป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ส่งเทียบเชิญท้าสื่อมวลชน ท้าบุกโรงงาน เลียนแบบ โน้ส อุดม
หลายๆคน น่าจะผ่านตากันไปบ้างแล้วสำหรับหนังโฆษณาชุดใหม่ของเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ที่เพิ่งปล่อยออกมาล่าสุด โดยมี พรีเซนเตอร์สุดฮา คนเดิม พี่โน้ส อุดม รับอาสา พาป่วน เอ้ย พาทัวร์โรงงานด้วยตัวเอง เพื่อเป็นการพิสูจน์ความจริงใจไม่เซ็ตอัพ เป๊ปเปอร์มิ้นท์ ฟิลด์ ได้ส่งเทียบเชิญทีมข่าวของเรา ร่วมบุกโรงงานตามรอยพี่โน้ส ให้เห็นชัดๆ ไปเลยว่า นี่ไม่ใช่แค่เซ็ตฉากถ่ายหนังโฆษณาสร้างภาพให้สวยงาม แต่คือการลงทุนจริงจังกว่าหนึ่งพันล้านบาท เพื่อจะสร้างยาดมคุณภาพหลอดเล็กๆ ที่เป็น "มิตรกับจมูก" ของผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง
ในส่วนของตัวโรงงานจะแบ่งเป็น 3 โซนใหญ่ๆ โซนที่หนึ่ง คือ โซน Clean Room ที่มีระบบอากาศปลอดเชื้อที่เป็นมาตรฐานแบบเดียวกับยากินและยาใช้ภายนอก ที่เรียกว่า "Class 100,000" หมายถึง ต้องมีจำนวนฝุ่นละอองไม่เกิน แสนหน่วยต่อตารางฟุต โดยมี เครื่องวัดอนุภาคฝุ่นผง คอยตรวจจับอยู่ทั่วทั้งห้อง
โดยพนักงานรวมถึงทีมงานที่เข้าไปในพื้นที่ทุกคนจะต้องมีการเปลี่ยนชุดและผ่านห้องแอร์ล็อคเพื่อรักษาความสะอาดในขั้นตอนการผลิต รวมถึงมีการตรวจสอบอุณหภูมิ ความชื้นและความดันภายในห้องทุกชั่วโมง
ในส่วนที่สองนั้นเรียกว่า Packing Area ที่เป็นส่วนในการบรรจุหีบห่อ ติดฉลากและทำแพ็คเกจ
ซึ่ง เป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ได้ทุ่มทุนมหาศาลเพื่อลงทุนในเครื่องจักรที่ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานโรงงานยาชั้นนำในยุโรป ซึ่งสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทุกขั้นตอน โดยมีวิศวะกรผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ประจำทุกเครื่องอีกด้วย
และในโซนสุดท้าย ทางทีมงานเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ได้พาเราไปในส่วนที่สำคัญที่สุดนั่นคือห้องแล็บ ที่ใช้คัดเลือกวัตถุดิบ และตรวจสอบเชื้อปนเปื้อนในวัตถุดิบหลัก ก่อนการส่งไปยังแผนกการผลิต เพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งที่สูดดมเข้าไปจะไม่ไปทำร้ายผู้บริโภค
โดยเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ได้ให้ความสำคัญกับขั้นตอนนี้มากที่สุด ดังนั้นวัตถุดิบทุกอย่างจะถูกเข้าห้องแล็บเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเคมีตรวจสอบให้ได้มาตรฐาน ให้ได้ถึง 98-100% ซึ่งหากคุณภาพน้อยกว่านี้แม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียวก็จะไม่มีการนำมาใช้เด็ดขาดและตีกลับทันที
สำหรับวัตถุดิบหลักอย่างเป๊ปเปอร์มิ้นท์ออยล์(Peppermint oil) และการบูร(Camphor) ทางบริษัทได้ใช้วัตุดิบในเกรดพรีเมียม ในปริมาณที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบูร ที่เป็นสารสื่อกลิ่น ที่หากใส่ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยผ่อนคลาย และทำให้เลือดลมไหลเวียน แต่หากใส่มากเกินไปก็จะทำให้ เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบได้ ดังนั้นมาตรฐานสากลที่ทาง FDA อนุญาตให้ใส่ได้คือไม่เกิน 11% ซึ่งยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ใส่เพียงประมาณ 4.9% และยาดมในเครือเดียวกันอย่างยาดมเซียงเพียวก็มีการบูรแค่เพียง 2% เท่านั้น โดยทางบริษัทได้ไปเน้นเพิ่มปริมาณสารตั้งต้นที่มีฤทธิ์เป็นยา อย่างเป๊ปเปอร์มิ้นท์ออยล์ และยูคาลิปตัสแทน ซึ่งแน่นอนว่ามีราคาแพงกว่าการบูรหลายเท่า แต่เป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ก็ยอมลงทุน เพื่อผลิตยาดมที่มีคุณภาพอย่างแท้จริง
ทางทีมข่าว เมื่อเยี่ยมชมจนรอบโรงงาน ก็ต้องยอมรับเลยว่าเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ ยิ่งใหญ่และได้มาตรฐานระดับโลกสมเป็นเบอร์หนึ่งวงการยาดมเมืองไทยจริงๆ
โดยโรงงานยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์ได้รับมาตรฐาน GMP PIC/S ตั้งแต่ปีแรกที่มีการเริ่มบังคับใช้ในไทย ซึ่งก็ถือว่าเป็นมาตรฐานขั้นสูงในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการผลิตยาที่ทางฝั่งยุโรปให้การยอมรับ โดยมูลค่าการลงทุน ในการออกแบบและก่อสร้างรวมๆ แล้วกว่าพันล้านบาท
สำหรับสินค้าอื่นๆ ในเครือไม่ว่าจะเป็น ยาดมเซียงเพียว ยาหม่องน้ำเซียงเพียวอิ๊ว ยาหม่องเซียงเพียว รวมถึงน้องใหม่ อย่าง"เซียงเพียวรีลีฟ" ซึ่งเป็นครีมทาบรรเทาปวดเมื่อย ก็ผลิตที่นี่ด้วยมาตรฐานแบบเดียวกัน และได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในและต่างประเทศ สินค้ากลุ่มยาดมเป๊ปเปอร์มิ้นท์ฟิลด์และผลิตภัณฑ์เซียงเพียว ได้มีการส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น กัมพูชา, เวียดนาม, มาเลเซีย, สิงคโปร์, ฮ่องกง, อินเดีย, ญี่ปุ่น, เกาหลี, ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ประเทศในซีกโลกตะวันตกอีกด้วย
ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นเบื้องหลังความตั้งใจในการผลิต ยาดมหลอดเล็กๆ มูลค่าไม่เท่าไร แต่ใส่ใจเต็มพิกัดขนาดนี้ แล้ว ทีมข่าวก็พูดได้คำเดียวเลยว่า "ของเขาคุณภาพคับหลอดจริงๆครับท่านผู้ชม"