svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ท่องเที่ยว

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน

26 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ท่ามกลางสายหมอก ภูเขา และความเงียบสงบ เป็นที่ตั้งของเมืองที่มีเสน่ห์อันน่าหลงใหล ที่ผู้คนต่างพากันชื่นชมและกล่าวขานกันว่าที่นี่ คือเมืองแห่งอัญมณีของภาคเหนือ เป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต ที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์แห่งล้านนา และธรรมชาติที่สัมผัสได้ถึงกลิ่นไอของความโรแมนติค วันนี้ ปาล์มจะพาทุกท่านมากันทีนี่ เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน

บรรยากาศในยามเช้าบน "ดอยเสมอดาว" สถานที่สุดโรแมนติกแห่งเมืองน่าน มาสัมผัสกับทะเลหมอกพร้อมแสงอาทิตย์ยามเช้าและยิ่งลมหนาวพัดมาก็ยิ่งทำให้ดอยเสมอดาวนั้นดูมีเสน่ห์ที่สุด โดยดอยเสมอดาว  ตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติศรีน่าน เป็นภูเขาที่มีลานให้นักท่องเที่ยวพักผ่อนกางเต็นท์ บริเวณจุดชมวิวดอยเสมอดาวจะเป็นแนวสันเขายาวเปิดโล่งกว้าง ถ้ามองไปทางด้านหน้าจะพบกับขุนเขา และลำน้ำน่านที่อยู่ข้างล่างซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้น และทะเลหมอกได้จากบริเวณนี้ในยามค่ำคืนก็จะสามารถมองเห็นทะเลดาว เสมือนกับว่าสามารถเอามือไปเก็บดาวได้เลยทีเดียวเลยไม่แปลกใจว่าทำไมดอยแห่งนี้ถึงได้ชื่อว่า "ดอยเสมอดาว"

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน

อีกหนึ่งจุดชมวิวที่น่าสนใจ คือ "ผาหัวสิงห์" ที่มองไปก็จะเห็นเป็นรูปร่างเหมือนสิงโตนอนหมอบอยู่ถ้าเกิดว่าเดินขึ้นไปถึงด้านยอดของผาหัวสิงห์จะมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว

มาเที่ยวถึงถิ่นดินแดนล้านนาตะวันออกแล้วทั้งทีต้องไม่พลาดไปเยี่ยมเยือนวัดวาอาราม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กัน อย่างเช่นที่

"วัดเขาน้อย" หนึ่งในวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดน่าน ซึ่งหากใครมาที่เมืองน่านแล้วต้องห้ามพลาด วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นวัดราษฎร์ค่ะ

หรือวัดที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างหรือปฏิสังขรขึ้นตามศรัทธา ด้านหน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาคที่ทอดตัวยาวไปถึงยอดดอยเขาน้อย บนยอดดอยเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและตรงลานชมทิวทัศน์ของวัดพระธาตุเขาน้อย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน


พระพุทธรูปปางประทานพรหันหน้าสู่เมืองน่านสร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมปีพุทธศักราช 2542 จากจุดชมวิวจะเห็นเมืองน่านจากมุมสูงได้ชัดเจน

สำหรับศูนย์กลางของเมืองน่านก็คือ"ข่วงเมือง" หรือว่า "ลานกลางเมือง" มาตั้งแต่สมัยโบราณ รอบๆข่วงเมืองก็ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญๆอีกหลายที่ หนึ่งในนั้นคือ "วัดภูมินทร์" ซึ่งมีภาพเขียนอันแสนจะโรแมนติค"กระซิบรักบันลือโลก" ถ้าเกิดใครมาเมืองน่านแล้ว ต้องห้ามพลาด

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน


  วัดภูมินทร์เป็นแหล่งรวมศิลปกรรมชั้นเลิศของเมืองน่านเอกลักษณ์ของเมืองนี้ก็คือวิหารทางจัตุรมุข หนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่เกิดจากการวางผังโดยนำโบสถ์และวิหารมาไขว้กันเป็นกากกบาท ซึ่งส่วนที่เป็นโบสถ์นั้นมีพญานาคทอดตัวอยู่สองข้างประตูทางเข้า

ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ว่ากันว่าหากใครได้มาที่นี่แล้วเดินลอดซุ้มพญานาคที่วัดภูมินทร์แห่งนี้จะโชคดีและได้กลับมาที่เมืองน่านอีกครั้ง

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน


วัดภูมินทร์มีอายุกว่า 400 ปี เมื่อแรกสร้างมีชื่อว่า"วัดพรหมมินทร์" ตามพระนามของผู้สร้างคือ เจ้าเจตบุตร พรหมมินทร์ ผู้ครองนครน่านในสมัยนั้นซึ่งโปรดให้สร้างพระประธานของวัด ที่ใจกลางพระวิหารเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสี่องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ เพื่อสื่อความหมายถึงพรหมวิหารสี่สอดคล้องกับพระนามของพระองค์ ซึ่งก็เป็นเหตุที่ทำให้ต้องสร้างวิหารทรงจัตุรมุขเพื่อให้มองเห็นพระประทานได้อย่างชัดเจน สง่างามทั้งสี่ทิศ

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน

           
 ภายในวิหารถูกแต่งแต้มด้วยจิตรกรรมฝาผนังที่ประกอบด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและชาดกแต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของของชาวไทยลื้อในสมัยนั้นส่วนภาพที่ถือเป็นจุดดึงดูดก็คือ "ภาพจิตรกรรมฝาผนังกระซิบรักบันลือโลก" ถูกวาดขึ้นช่วงที่ทางวัดได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอุโบสถในสมัยต้นรัชกาลที่ 5 มีอายุอานามมากกว่า 140 ปีแต่ภาพของคู่รักคู่นี้ยังคงความสมบูรณ์ และยังเป็นคงภาพแห่งการบอกรักกันมาอย่างยาวนานจนถึงปัจจุบัน

ภาพกระซิบรักนี้เป็นภาพชายชาวพม่านำมือมาเกาะที่ไหล่ของหญิงสาวชาวพม่าแสดงท่าทางกระซิบกระซาบหยอกล้อบอกรักต่อกันมีนัยตากรุ้มกริ่มแสดงออกให้เห็นถึงความรักใคร่ที่ฝ่ายชายมีต่อหญิงสาวซึ่งออกไปในทางน่ารักงดงามบนฝาผนังมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า"ปู่ม่านย่าม่าน"ซึ่งคำว่าม่านในภาษาล้านนา มีความหมายว่า "ชาวพม่า" คู่รักใดๆก็ตามที่มาบอกรักขอพรต่อหน้า "ปู่ม่านย่าม่าน" นอกจากจะหวังพรที่จะมีความรักยืนยงยาวนานแล้วยังหวังถึงความมั่นคงมั่งคั่งในชีวิตรักหรือชีวิตสมรสอีกด้วย

"วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร"เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปีที่มีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งอยู่ใจกลางอำเภอเมืองน่านเดิมมีชื่อเรียกว่า "วัดหลวง"หรือ "วัดหลวงกลางเวียง" เป็นวัดหลวงในเขตนครน่านเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญทางพุทธศาสนาและพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาในอดีต


Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน

           
เมื่อเดินเข้าไปในวัดเราก็จะพบกับ "พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำ" ปูชนียสถานสำคัญภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุและเมื่อมองขึ้นไปรอบๆบริเวณพระธาตุก็จะพบกับปูนปั้นลอยตัวรูปช้างค้ำจึงเป็นที่มาของชื่อวัดพระธาตุช้างค้ำ นั่นเอง

            ภายในวัดยังมีวิหารพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนีซึ่งในอดีตเคยใช้เป็นหอพระไตรปิฎก แต่ในปัจจุบันได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่และใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนีพระพุทธรูปปางลีลาศิลปะสุโขทัยซึ่งหล่อด้วยทองสัมริดผสมทองคำนับเป็นพระพุทธรูปที่มีความงดงามวิจิตรเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนใน จังหวัดน่าน

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน

สถานที่ตั้งตรงข้ามกับวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหารเป็นที่ตั้งของ "หอคำ" ซึ่งปัจจุบันถูกจัดตั้งเป็น "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน" ภายใน จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยพื้นเมืองและเครื่องมือเครื่องใช้ของชนเผ่าต่างๆพระพุทธรูปเก่าแก่ปางต่างๆแบบล้านนาเรียงรายในห้องโถง จัดแสดงไว้อย่างน่าสนใจ รวมทั้งเป็นที่เก็บงาช้างดำมีลักษณะเป็นงาปลี สีน้ำตาลเข้ม นับเป็นวัตถุมงคลคู่บ้านคู่เมืองน่านที่สำคัญ โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธถึงวันอาทิตย์

.          ข้างๆกันกับ "พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน" ก็จะเป็นวัดเก่าแก่อีกแห่งของเมืองน่านนั่นก็คือ "วัดหัวข่วง" เป็นวัดที่มีความสำคัญในเขตหัวแหวนเมืองน่านมีจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามภายในพระวิหาร มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยลักษณะพุทธ-ศิลป์แบบท้องถิ่นล้านนา สกุลช่างเมืองน่านฝีมือประณีตงดงาม ภายในวัดมีหอไตรเรือนไม้โบราณ เป็นที่ใช้เก็บพระไตรปิฎก และบรรจุโบราณวัตถุที่สำคัญทางพุทธศาสนา

ไม่ไกลกันกับวัดหัวข่วงก็ถึงวัดศรีพันต้นวัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยพญาพันต้นเจ้าผู้ครองนครน่าน แห่งราชวงศ์ภูคา เป็นอีกวัดในจังหวัดน่านที่มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงามโดยเฉพาะพญานาคเจ็ดเศียรสีทองเหลืองอร่าม เฝ้าบันไดหน้าวิหารวัด ด้านในพระวิหาร

มีนิทานคติธรรมจารึกไว้ซึ่งชาวเมืองได้ใช้สืบทอดเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านต่อๆกันมา

Review สถานที่ท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้ามพลาดจังหวัดน่าน

อีกหนึ่งวัดที่สำคัญไม่แพ้กันคือวัดสวนตาล เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรชาวจังหวัดน่านแล้ว ก็เสด็จฯมายังวัดสวนตาลเพื่อทรงสักการะพระเจ้าทองทิพย์ พระพุทธรูปคู่เมืองน่าน โดย "วัดสวนตาล"เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่กว่า 600 ปีที่ได้ชื่อว่า วัดสวนตาล ก็เพราะวัดนี้สร้างขึ้นบริเวณที่เคยเป็น

สวนตาลหลวงนั่นเอง

            เมื่อเข้าสู่เขตวัดจะสะดุดตากับ "บ่อน้ำทิพย์"ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลางลานหน้าวัด บ่อน้ำทิพย์นี้เชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

มีน้ำทิพย์ ของ"พระเจ้าทองทิพย์"อยู่ในบ่อ ซึ่งพระเจ้าทองทิพย์นั้นเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองน่านประดิษฐานอยู่ภายในวิหารวัดสวนตาล เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทองสำริดองค์ใหญ่งดงามทางด้านหลังวิหารมีเจดีย์ที่แต่เดิมเป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ แต่ได้รับการบูรณะรูปทรงเป็นเจดีย์ยอดปรางค์และในบริเวณใกล้ๆ วิหารหลังใหญ่ยังมีวิหารหลังเล็กอีกหนึ่งหลังภายในเป็นที่ประดิษฐานพระศรีอริยะเมตไตรยปางนั่งพับเพียบองค์แรกที่พบในภาคเหนือ ซึ่งหาดูได้ไม่ง่ายนักทำให้มีประชาชนเดินทางมาสักการะกันเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นสิริมงคลกับตัวเอง

                นอกจากงานพุทธศิลป์แล้ว ความงดงามอีกอย่างหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของเมืองน่านก็คือบ้านเรือนโบราณ ทั้งคุ้มของเจ้านายชั้นสูง และเรือนโบราณของชาวบ้านที่วันนี้กลายมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่คนน่านภาคภูมิใจและร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานรุ่นหลังได้ศึกษาวิถีความเป็นอยู่ของบรรพบุรุษในอดีตและเปิดให้ผู้มาเยือนที่สนใจได้รู้จักความเป็นน่านผ่านบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเก่า อย่างที่ โฮงเจ้าฟองคำ

และคำพูดที่ว่า "ใครมาเยือน แล้วไม่ได้มานมัสการพระธาตุแช่แห้ง ก็เหมือนไม่ได้มาเมืองน่าน"คงไม่ได้เป็นคำพูดที่เกินความจริง เพราะพระธาตุแช่แห้งถือเป็นปูชนียสถานสำคัญอันศักดิ์สิทธิที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองน่านหลายชั่วอายุคน ห่างออกมาจากตัวเมืองเล็กน้อย

ก็จะถึงวัดพระธาตุแช่แห้งซึ่งพระธาตุแช่แห้งก็เป็นอนุสรณ์ความสัมพันธ์และความรักระหว่างเมืองน่านและเมืองสุโขทัยในอดีตและก็เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีเถาะ หรือว่าปีกระต่ายดังนั้นใครที่เกิดปีเถาะต้องมาสักการะให้ได้

พระบรมธาตุแช่แห้งเป็นศิลปะการก่อสร้างที่มีความวิจิตรงดงามที่ได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์พระธาตุหริภุญไชย โดยรอบๆ องค์พระธาตุจะมีการบุรอบองค์ด้วยทองจังโก เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากเมืองสุโขทัยในอดีต ชาวเมืองล้านนามีความเชื่อกันว่าการได้เดินทางไปกราบนมัสการองค์พระธาตุแช่แห้งหรือที่ชาวล้านนาจะเรียกกันว่า "การชุธาตุ" นั้น จะได้รับอานิสงค์อย่างแรงกล้าทำให้ชีวิตอยู่ดีมีสุข ปราศจากโรคภัยต่างๆ หน้าที่การงานเจริญก้าวหน้า สมกับคำร่ำลือว่าเป็นเมืองเก่าที่มีชีวิตและกลิ่นอายความโรแมนติค

การมาเที่ยวที่จังหวัดน่านในครั้งนี้ปาล์มได้สัมผัสทั้งธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของที่นี่ ต้องขอบอกเลยว่าเป็นการมาเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ที่คุ้มค่าจริงๆ

logoline