นายสามารถจิรพัฒนกุลกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แลคตาซอย จำกัด หัวเรือใหญ่ในการจัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้กล่าวว่า แลคตาซอยมุ่งมั่นจัดกิจกรรมการกุศลมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 โดยช่วง 13 ปีแรกเป็นการจัดแรลลี่ไหว้พระ 9 วัด ส่วนปีที่แล้วเป็นการล่องเรือทำบุญริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาสำหรับปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่มีความพิเศษอย่างยิ่ง เพราะได้พาผู้ร่วมกิจกรรมเดินทางมาที่ จ. น่าน เพื่อทำบุญไหว้พระ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ร่วมพิธีสะเดาะเคราะห์และสืบชะตาเสริมสิริมงคลให้ชีวิตพร้อมเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นและประเพณีอันงดงามของชาวเมืองน่านซึ่งการมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้นอกจากจะได้ทำบุญแล้ว ยังได้ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในสังคมเนื่องจากแลคตาซอยจะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปมอบให้กับองค์กรสาธารณกุศลอีกด้วย
ภายในงานได้เชิญอาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม จ.น่าน มาเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาและพาซึมซับวิถีชีวิตชุมชนที่น่าสนใจ เริ่มด้วยกิจกรรมเรียนรู้ลองทำ "ตุงค่าคิง"หรือ "ตุงก้าคิง" ที่วัดพระเกิดซึ่งเป็นตุงสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อของล้านนา โดยคนภาคเหนือเชื่อว่า "ตุง"คือ ธงที่พระพุทธเจ้าประกาศชัยชนะเหนือหมู่มาร คำว่า "ค่า" แปลว่า เท่ากับ คำว่า"คิง" แปลว่า ตัวเรา ดังนั้น ลักษณะของ "ตุงค่าคิง" จึงตัดให้มีความสูงเท่ากับตัวของผู้ทำตุงถือเป็นสัญลักษณ์แทนตัวคนที่ทำ เพื่อใช้เป็นเครื่องประกอบพิธีสืบชะตาหลวงตามความเชื่อล้านนา
สำหรับขั้นตอนการตกแต่งตุงจะเริ่มจากการติดจมูกตา คิ้ว ปาก เพราะยึดหลักธรรมชาติของมนุษย์ที่เกิดมาต้องหายใจได้ก่อนแล้วจึงมองเห็น และพูดได้ จากนั้นจึงติดปีนักษัตรของผู้ทำ แล้วจึงนำตุงถวายให้แก่วัดพระเกิดซึ่งเชื่อกันว่าจะช่วยเสริมบารมี สะเดาะเคราะห์ รับโชคและเสริมสิริมงคลให้แก่ผู้ถวาย และทางวัดจะแขวนตุงไว้ภายในพระอุโบสถ เมื่อมีการสวดมนต์หรือทำพิธีทางศาสนาก็เหมือนกับเจ้าของตุงได้รับพรไปด้วย
อีกทั้งการทำ "ตุงค่าคิง" ยังแฝงด้วยนัยยะสอนใจหลายประการ โดยการตกแต่งตุงทั้ง 2 ด้านให้สวยงาม ติดจมูก ตา คิ้ว ปาก ให้อยู่ในตำแหน่งที่ตรงกันนั้น เป็นการสอนให้ผู้ทำรู้จักตั้งสติมีสมาธิ มีความมุ่งมั่น ซึ่งจะนำชีวิตไปสู่ความสำเร็จ ส่วนตุงที่หมุนรอบตัวเอง 360 องศา สอนให้คนเรามองและพิจารณาสิ่งต่างๆ อย่างรอบด้าน มีเหตุผล ไม่ตัดสินเพียงด้านเดียว
หลังจากถวายตุงแล้วก็เข้าสู่โปรแกรมพาทัวร์ไหว้พระชมความงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่คู่เมืองน่าน เริ่มต้นที่ "วัดพระธาตุเขาน้อย" ร่วมสักการะพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าซึ่งบรรจุอยู่ในองค์พระธาตุศิลปะแบบพม่าผสมล้านนาด้านบนมีจุดชมวิวตัวเมืองน่านที่เห็นบรรยากาศของเมืองโอบล้อมด้วยขุนเขา บริเวณจุดชมวิวเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่านพระพุทธรูปปางลีลาขนาดใหญ่ซึ่งหันพระพักตร์ไปทางตัวเมืองน่าน
ต่อมาเดินทางไปไหว้พระพุทธรูปทองคำที่"วัดช้างค้ำ" ซึ่งประดิษฐานภายในวิหารที่สร้างตามแบบสถาปัตยกรรมของล้านนา นามว่า"พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี" เป็นพระพุทธรูปทองคำปางลีลาศิลปะสุโขทัยอันงดงาม
จุดหมายต่อไปเพียงเดินลัดเลาะข้ามถนนมายัง"วัดภูมินทร์" ซึ่งมีเอกลักษณ์ทางด้านพุทธศิลป์ คือสร้างเจดีย์และพระอุโบสถเป็นหลังเดียวกัน ทรงจัตุรมุข คล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว โดยมีความเชื่อว่าหากได้ลอดท้องรูปปั้นพญานาควัดภูมินทร์แล้วจะได้รับโชคดีประสบความสำเร็จ สมปรารถนา ด้านในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของ "พระประธานจตุรทิศ" ปางมารวิชัย 4 องค์ ประทับนั่งบนฐานเดียวกันหันพระพักตร์ไป 4 ทิศ
อีกหนึ่งความโดดเด่นของพระอุโบสถคือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม เขียนโดยช่างชาวล้านช้าง บอกเล่านิทานชาดกที่สอนให้คนทำความดีสอดแทรกภาพวิถีชีวิตของชาวน่านในอดีต ซึ่งภาพโด่งดังของจิตรกรรมฝาผนัง คือ"ภาพปู่ม่าน-ย่าม่าน" กระซิบรักอันลือเลื่อง และภาพ "โมนาลิซ่าเมืองน่าน"สาวงามแห่งเมืองน่านในยุคสมัยนั้น
นั่งรถต่อมาอีกไม่ไกลก็ถึง"วัดมิ่งเมือง" ซึ่งสวยงามด้วยศิลปะปูนปั้นสดสีขาว โดยงานฝีมือตระกูลช่างเมืองเชียงแสนด้านนอกเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมืองน่านที่ชาวน่านและนักท่องเที่ยวมักแวะเวียนมาสักการะขอพร
จากนั้นมาต่อกันที่"วัดศรีพันต้น" เพื่อสักการะพระสังกัจจายน์ อายุกว่า 500 ปี ซึ่งมีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดน่าน โดยเชื่อกันว่าจะช่วยให้หายจากอาการเจ็บปวดและโรคภัยต่างๆ
ปิดท้ายทริปอิ่มบุญที่น่านด้วยการร่วมพิธีสืบชะตาที่ "วัดพระธาตุแช่แห้ง" พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองน่านมีองค์พระธาตุอายุกว่า 600 ปี สีทองอร่ามบุด้วยทองเหลือง สันนิษฐานว่าเป็นศิลปะการก่อสร้างที่ได้รับอิทธิพลมาจากเจดีย์พระธาตุหริภุญชัยส่วนชื่อ "แช่แห้ง" นั้น อาจารย์สมเจตน์ ได้ถอดรหัสแปลความหมาย คำว่า "แช่" คือ ทุกข์สมุทัย คำว่า "แห้ง" คือ นิโรธ มรรค ดังนั้น "แช่แห้ง" จึงเป็นนัยยะที่สอนให้มนุษย์ซึ่งอยู่ในสภาวะความทุกข์รู้จักหาทางให้ตัวเองพ้นทุกข์ กล่าวคือ เมื่อแช่อยู่ในทุกข์ก็ต้องหาวิธีให้ตัวเองแห้งหรือห่างจากทุกข์นั่นเอง
พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำปีเถาะ ซึ่งตรงกับปีพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อครั้งทรงมีพระชนมชีพอยู่ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีสืบชะตาหลวงหรือพิธีสืบดวงพระราชสมภพของในหลวง รัชกาลที่ 9 ขึ้นที่วัดพระธาตุแช่แห้ง โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ในการประกอบพิธีสืบชะตาหลวง
หลังจากนั้นทางวัดจึงได้จัดพิธีสืบชะตาหลวงแบบพื้นเมืองน่านมาอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของชาวล้านนา ที่เชื่อกันว่าเป็นการต่ออายุหรือต่อชีวิตของบ้านเมืองหรือของคนให้ยืนยาว มีความสุข ความเจริญ ขจัดภัยอันตรายต่างๆที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย
นอกจากจะได้อิ่มบุญอิ่มใจแล้วผู้ร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ยังได้อิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูอาหารเหนือ อิ่มตากับการเดินเล่นถนนคนเมืองชมการแสดงทางวัฒนธรรม เลือกซื้ออาหาร เสื้อผ้า สินค้าพื้นเมือง และของที่ระลึกมากมายสร้างความสุขและความประทับใจให้กับผู้ร่วมกิจกรรมทุกคนเป็นอย่างมากสำหรับผู้สนใจร่วมทำบุญอิ่มใจกับ แลคตาซอยในครั้งต่อไปสามารถติดตามข้อมูลได้ทาง www.lactasoy.com