นายอภิชา แย้มเกษร นายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดธุรกิจกาแฟพิเศษ ว่า "จากสภาวะเศรษฐกิจการเกษตร ในปี 2559 ที่หดตัวลงประมาณร้อยละ 0.5 สาเหตุจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและภัยแล้งที่ต่อเนื่องมาจากปี 2558 ในขณะที่รายได้เกษตรกร โดยเฉลี่ยตั้งแต่มกราคม ถึง ตุลาคม 2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรสำคัญหลายชนิดเพิ่มขึ้น และคาดว่าในปี 2560 แนวโน้มเศรษฐกิจภาคการเกษตร จะขยายตัวอยู่ในช่วงร้อยละ 2.4 3.4 จากนโยบายสำคัญที่ช่วยผลักดัน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสภาวะตลาดธุรกิจกาแฟปี 2560 จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 15-20% สังเกตได้จากมีการเปิดร้านกาแฟใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดกาแฟพิเศษ ก็มีความนิยมเพิ่มขึ้น 3-5% เทียบสัดส่วนกาแฟทั่วไปต่อกาแฟพิเศษ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 90% กาแฟทั่วไปและ 10% เป็นกาแฟพิเศษจากผลผลิตกาแฟในประเทศไทยปี 2559 พบว่า อาราบิก้า สามารถผลิตได้ประมาณ 9,000 ตัน และเป็นกาแฟโรบัสต้าประมาณ 17,800 กว่าตัน โดยราคาเมล็ดกาแฟในประเทศไทยยังสูงกว่ากาแฟจากประเทศเพื่อนบ้าน เพราะมีการเก็บภาษีนำเข้ากาแฟจาก กลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม (CLMV) สูงถึง 90% โดยราคาเมล็ดกาแฟไทยอยู่ที่ 160-180 บาทต่อกิโลกรัม แต่ราคาเมล็ดกาแฟประเทศเพื่อนบ้านอยู่ที่ 95-105 บาท เนื่องจากสถานการณ์การแปรปรวนของอากาศและสภาวะแห้งแล้งฝนทิ้งช่วงยาวนาน และเกิดฝนตกในช่วงหน้าหนาว เราประมาณการผลผลิตกาแฟในประเทศไทยปี 2560 โดยคาดว่าผลผลิตอาราบิก้า จะอยู่ที่ประมาณ 7,000 ตัน และเป็นกาแฟโรบัสต้าประมาณ 15,000 กว่าตัน โดยราคาเมล็ดกาแฟในประเทศไทยยังสูงอยู่ ซึ่งกาแฟอาราบิก้า ราคาอยู่ที่ประมาณ 180บาทต่อกิโลกรัม และกาแฟโรบัสต้า อยู่ที่ 80-90 บาทต่อกิโลกรัม ปัจจุบันการเพิ่มพื้นที่การปลูกกาแฟยังมีต่อเนื่อง โดยในปีนี้ยังมีการเพิ่มพื้นที่การปลูกกาแฟ อาราบิก้าอีกประมาณ 15% พื้นที่การปลูกส่วนใหญ่ยังคงเป็นภาคเหนือ ในจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ ส่วนกาแฟ โรบัสต้า มีการเพิ่มพื้นที่การปลูกอีกประมาณ 5% ซึ่งเกิดจากราคายางพาราตกต่ำ และการปลูกปาล์มน้ำมันที่ราคาก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร โดยพื้นที่ปลูกส่วนใหญ่ยังเป็น ชุมพร ระนอง " นายอภิชากล่าว และเพิ่มเติมว่า
"ที่ผ่านมาทางกลุ่ม Thailand Quality Coffee(TQC) ได้รวมตัวกัน เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาคุณภาพให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นจากเกษตรกรผู้ปลูกเมล็ดกาแฟ ซึ่งถือเป็นต้นน้ำ ถึงผู้ดื่มกาแฟปลายน้ำในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่การดูแลในแต่ละช่วงการผลิต แปรรูป จนได้เมล็ดกาแฟที่มีคุณสมบัติเฉพาะ และได้มาตราฐานที่ดีเพิ่มมากขึ้น ให้สามารถเชื่อมโยงกับตลาดกาแฟโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดงานงาน Thailand Coffee Fest 2017 ในครั้งนี้ นับเป็นปีที่ 2 หลังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นแรงจูงใจให้กับเกษตรกรเป็นอย่างมาก ในการพัฒนาคุณภาพของเมล็ดกาแฟที่ดีขึ้น ผู้ประกอบการได้เมล็ดกาแฟที่ดีจากผู้ปลูกโดยตรง การพบปะสื่อสารทำให้ผู้ผลิตรู้ว่าตลาดต้องการอะไร ตลาดหาสินค้าที่ความต้องการได้ชัดเจนขึ้น ผู้บริโภคก็ได้สินค้าและบริการที่หลากหลายและมีคุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้การค้ากาแฟไทยมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น การจัดงาน Thailand Coffee Fest 2017 จึงเป็นการท้าทายความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ แบบครบเครื่องภายใต้แนวคิด "Together We Grows" เพื่อพัฒนาธุรกิจการค้าในแวดวงกาแฟและผลิตภัณฑ์เมล็ดกาแฟไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมก้าวสู่การค้ากาแฟในระดับสากล ที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนขององค์กรยูเนสโก้
ภายในงานจะได้สัมผัส และลองลิ้มชิมรส เมล็ดกาแฟที่ดีที่สุดในประเทศไทยแบบเจาะลึก จากผู้เข้ารอบการประกวด "10 สุดยอดเมล็ดกาแฟไทยแห่งปี 2560 " ครั้งที่ 5 รอบ 20 ตัวสุดท้าย ว่ากาแฟดี ๆ มีรสชาติที่เป็นที่ต้องการของตลาดควรเป็นอย่างไร และร่วมลุ้นสนุกสนานไปกับการประมูลและประกาศผลผู้ชนะการประกวด
อีกทั้งยังร่วมชม และเป็นประจักษ์พยานครั้งสำคัญ กับ การแข่งขันเมนูที่ถือเป็นอัตลักษณ์ของชาติไทย กับการแข่งขัน "World Es Yenn Championship #1 2017 - WEYC2017" พร้อมชิงเงินรางวัลรวมมูลค่ามากกว่า 100,000 บาท นอกจากนี้ภายในงานยังจัดให้เป็นศูนย์กลางรวมรวมเครื่องมือและอุปกรณ์ใหม่ ๆ สำหรับเจ้าของร้านกาแฟ หรือผู้ที่สนใจ การชง ชิม กาแฟ ได้เลือกซื้อ ได้อย่างครบครัน!!
นอกจากนี้ยังพบกับการออกร้านของเหล่าร้านกาแฟอินดี้ชั้นนำของเมืองไทย ให้เหล่าคอกาแฟและ Coffee lover ทั้งหลายละมุนไปกับรสชาติกาแฟที่เหล่าบาริสต้าแนวหน้าได้นำเสนอและการออกร้านของ Good Coffee จากญี่ปุ่นทีมที่ขึ้นชื่อเรื่องการนำเสนอกาแฟพิเศษ พร้อมร่วมชม นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช "ต้นกาแฟของพ่อ" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาเป็นล้นพ้นของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ที่มีต่อวงการกาแฟไทย ด้วยการรวบรวมเรื่องราวของพระองค์ท่านต่อวงการกาแฟ อีกทั้งยังร่วม ช้อป และชมการออกร้านของโครงการหลวง, สมาคมการตลาดเกษตรและอาหารแห่งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (AFMA),มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
ภายในงานยังมีการเสวนาฟรีที่เวทีใหญ่ในเรื่องเกี่ยวกับ แนวทางการทำธุรกิจต่าง ๆ อย่างไรให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืน พิเศษ สำหรับคนที่คิดอยากจะเปิดร้านกาแฟภายในงานนี้จะได้พบกับบริษัทขายเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับร้านกาแฟชั้นนำของเมืองไทย ที่มาร่วมออกร้านพร้อมทั้งให้คำปรึกษาและของแถมเป็นคอร์สเรียนการชงกาแฟให้ ฟรี !!! ไม่จำกัดจำนวน
อีกทั้งผู้ที่สนใจยังสามารถร่วมเรียนกับคลาสเรียนต่าง ๆ เกี่ยวกับกาแฟในเชิงลึกในคลาสเรียนที่สอนโดยผู้มีความเชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศ เช่น คลาส Drip Coffee ที่สอนโดยแชมป์ National Thailand Brewer Cup 2016 ประเทศไทย คุณสุธิดา ศรีรุ่งธรรม และคลาส Roaster profile ที่สอนโดยแชมป์คั่วกาแฟโลก ปี 2016 Alexandru Niculae จากประเทศโรมาเนีย , Extraction โดย SK Leng นักวิจัยด้านกาแฟจากประเทศมาเลเชีย และยังมีคลาส Cupping, Basic roasting & Introduction Artisan Software, Sensory และสุดท้าย Cupping for Farmer คลาสที่เตรียมไว้สอนเกษตรกรผู้ปลูกและโพรเซสสำหรับชิมกาแฟที่ตัวเองปลูกว่าได้รสชาติตามที่ควรจะเป็นหรือไม่
ปิดท้ายกับไฮไลต์ในงานกับนิทรรศการ "ต้นกาแฟของพ่อ" เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาเป็นล้นพ้นของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ที่มีต่อวงการกาแฟไทย และร่วมฟังการถ่ายทอดเรื่องราวของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่มีต่อวงการกาแฟไทย จากอาจารย์ชัยวัฒน์ ชุ่มปัน ผู้ทำงานสนองพระราชดำริตั้งแต่ครั้งก่อตั้งโครงการหลวง และท่านจะได้พบกับโซนนิทรรศการเทิดพระเกียรติรวบรวมเรื่องราวของพระองค์ท่านต่อวงการกาแฟ เตรียมพบประสบการณ์การพิเศษเหล่านี้ บนพื้นที่เกือบ 7,000 ตารางเมตร ที่ห้อง เพลนารี่ ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์ ระหว่างวันที่ 23-26 กุมภาพันธ์ 2560 ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: www.facebook.com/ThailandCoffeeFest/