ซึ่งคนส่วนใหญ่ทราบดีว่า " นกเงือก " จะเป็นจุดสนใจ แต่ถ้าหากกวาดสายตามองลงบนผืนดินเราก็จะมองเห็น "กิ้งกือยักษ์" ตัวใหญ่พอๆกับหัวแม่มือหรืออาจจะใหญ่กว่านั้น ยาวประมาณ 1 ฟุต ขายั๊วเยี๊ยะนับหมื่นเลื้อยซอกซอนลอดเลาะไปตามเศษใบไม้แห้งหาที่ชื้นๆหลบซ่อนกำบังกาย ซึ่งสามารถหาดูได้ไม่ยาก กลางป่าใหญ่แห่งนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาของชาวบ้านที่นี่ ที่พบเห็นเป็นประจำ
แต่ถ้าหากเป็นคนต่างถิ่น เห็นครั้งแรกต้องตะลึง พร้องอุทานออกมาดังๆว่า โอ้โห !! ทำไมตัวมันยาวใหญ่ถึงขนาดนี้ เพราะกิ้งกือที่พบเห็นตามบ้านทั่วไปตัวเล็กแค่ปลายนิ้วก้อย ยาวไม่ถึงคืบ
นี้เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งที่เป็นผลพวงมาจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า ซึ่งทั้งพืชและสัตว์ที่เอื้ออาทรสร้างความสมดุลให้แก่กัน
ปัจจุบันได้มีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างถิ่น หลั่งไหลเดินทางมาที่แห่งนี้กันมากขึ้นทุกปี อีกทั้งจังหวัดนราธิวาสได้ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติจำนวนมาก ที่หลายคนยากเข้ามาสัมผัส ซึ่งป่าฮาลา-บาลาแห่งนี้ ก็อยู่ในกลุ่มเป้าหมายด้วยเช่นกัน
แม้จะเป็นเรื่องที่ดีในภาพรวมทั้งหมด เพราะนอกจากจะเป็นการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดในเชิงบวกแล้ว ก็ยังสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจให้คนในพื้นที่ด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวด้วยว่า คุณพร้อมหรือยัง โดยเฉพาะสำนึกในการสร้างความสมดุลให้แก่ป่าให้คงอยู่ในสภาพเดิมสิ่งหนึ่งที่น่าเป็นห่วง แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก
เหตุเพราะว่า " กิ้งกือ " มันบินไม่ได้เหมือน " นกเงือก "กลัวว่าสักวัน มันจะถูกพวกมือบอนที่ขาดจิตสำนึกพรากไปจากผืนป่า เพราะเป็นของแปลกก็แค่นั้นเอง