ประเพณีงานบุญ ไม่ว่าจะเป็นบุญไหนๆที่ทำเพื่ออุทิศส่วนบุญให้ผู้ล่วงลับ จะต้องมีของเซ่นไหว้ เช่นเดียวกับงานบุญเดือนสิบ ของเซ่นไหว้ในงานบุญดังกล่าว นอกเหนือจากสำรับกับข้าวเป็นหลักแล้วยังมี ขนมพื้นเมืองเช่น ต้ม ขนมเจาะหู ขนมบ้า ข้าวพอง ขนมลา เป็นต้น โดยเฉพาะขนมลา ถือว่าขนมที่ขึ้นชื่อที่สุดในบรรดาขนมเดือนสิบ นอกจากจะมีลักษณะเป็นแผ่นยาวๆ ที่สานด้วยเส้นใยแป้งและน้ำตาลแล้ว กรรมวิถีการทำก็แสนจะยุ่งยากมาก ทั้งเครื่องปรุง อุปกรณ์การผลิต ที่สำคัญคือ คน จะต้องมีความเชี่ยวชาญเพราะมิฉะนั้น ขนมลาจะออกมาไม่สวยงาม ดังนั้นจึงต้องมีการสืบทอด ผู้ใหญ่จะต้องให้คำปรึกษา แนะนำเคล็ดลับต่างแก่คนรุ่นใหม่
ขนมลา แบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ๆคือ ลาเช็ดและลาลอยมัน ซึ่งในที่นี้จะนำเสนอการทำขนมลาลอยมัน เริ่มจากเตรียมเครื่องปรุง จะใช้แป้งข้าวจ้าวและน้ำตาลเหลวเป็นหลัก อัตราส่วนการผสม แป้ง 1 กก.ต่อ น้ำตาล 7 ขีด โดยประมาณ กวนหรือขยำให้กลายเป็นเนื้อเดียวกันซึ่งชาวใต้เรียกว่า "นวดแป้ง" จากนั้นก็นำแป้งที่นวดได้ที่แล้วใส่ในกะลาผ่าซีกที่เจาะเป็นรูเล็กๆมีด้ามจับ นำไปหยอดใส่กระทะที่กำลังเดือดไปด้วยน้ำมันพืชที่ตั้งไฟไว้ก่อนหน้านี้ วนกะลาไปรอบๆจนเส้นแป้งเล็กๆสุกพอดี ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก แล้วใช้ไม้ไผ่ที่เหลาเป็นแผ่นบางๆ ค่อยๆแคะด้านซ้ายและขวา พับให้เป็นสี่เหลี่ยมผืน ช้อนขึ้นมาวางไว้ใส่ภาชนะที่ทำด้วยไม้ไผ่สานรองใบตอง เพื่อซับน้ำมันให้ไหลลงสู่หม้อหรือกะลามัง ที่รอบไว้ล่างใต้อีกทีหนึ่ง
เล่าให้ฟังเหมือนง่ายตามที่เขียน แต่ไม่ง่ายเลยที่จะทำให้ขนมลาออกมาเป็นแผ่นที่มีสีสันสวยงามน่ารับประทาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบทุกอย่างต้องสอดประสานกันอย่างลงตัว แป้งต้องนวดเหนียวหนึบเป็นเนื้อเดียวกันเพราะเวาลานำไปหยอดลงในกระทะเส้นจะไม่ขาด ไฟต้องร้อนสม่ำเสมอ โดยเฉพาะคนทำจะต้องสอดคล้องและรู้มือกัน ขนมเดือนสิบ ทุกชนิดมีสื่อความหมายใกล้ชิดกับกับผู้ล่วงลับ เสมือนเครื่องประดับใช้สอยที่ลูกหลานส่งไปให้ใช้ในปรโลก ขนมเจาะหู ที่มีลักษณะเป็นชิ้นกลมๆคล้ายขนมโดนัท เปรียบเสมือนตุ้มหู ขนมลา เป็นผ้าไหมแพรพรรณ หรือตัวแทนเครื่องนุ่งห่ม หรืออีกนัยหนึ่ง เหตุที่ขนมลามีเส้นขนาดเล็กมากก็เพื่อที่จะให้ เปรตหรือผู้ที่ตกอยู่อบายภูมิที่มีปากขนาดเล็กเท่าปลายเข็มได้กิน เหล่านี้เป็นต้น
นับเป็นกุศโลบายที่ดีงามของบรรพบุรุษชาวปักษ์ใต้ ที่ปลูกฝังให้ลูกหลานสำนึกความกตัญญูต่อบรรพชนผู่ล่วงลับ ผ่านกรรมวิธีการทำขนมเดือนสิบ อันแยบยล และที่สำคัญคือการถ่ายทอดภูมิรู้จากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นเพื่อมิให้ภูมิปัญญาการทำขนมลา และขนมอื่นๆ หายไปจากแผ่นดินปักษ์ใต้แห่งนี้