Lifestyle 2 Lifester : ท้าทาย ... ถ่ายภาพในสตูดิโอใต้น้ำ

เด็กหนุ่มจากสูงเนิน เมืองโคราช ทิ้งอนาคตเถ้าแก่โรงสี มาฝังชีวิตตัวเองไว้กับการเป็นช่างภาพ และเขากำลังจะเปิดโลกใบใหม่ โลกของการถ่ายภาพใต้น้ำ ด้วยงานระดับสตูดิโอในนาม วานาดิโอ (Vanadio)

สตูดิโอใต้น้ำแห่งแรกของเอเชียโดยที่ช่างภาพมีอิสระทั้งการถ่ายภาพ การใช้อุปกรณ์ การจัดแสง จัดไฟเหมือนกับงานถ่ายภาพในสตูดิโอ โดยมีตัวแบบ โลดแล่นอยู่เหนือน้ำและในน้ำ

ทวีชัย เจาวัฒนา หรือ เจายึดงานช่างภาพเป็นอาชีพในสื่อใหญ่ ค่ายเนชั่นนับตั้งแต่เรียนมาทางด้านวารสารศาสตร์ ... กว่า20 ปี ที่สั่งสมประสบการณ์การถ่ายภาพข่าว สารคดี และอีกสารพัดแนวเหมือนที่เขาเคยสอนรุ่นน้องๆ เสมอว่า เป็นช่างภาพต้องถ่ายได้ทุกแนว

วันนี้เขาผันตัวเองมาเป็นช่างภาพอิสระ โดยที่แต่ละเสี้ยวของเวลา ถูกจัดสรรเพื่องานอื่นๆควบคู่กันไปด้วย ทั้งงานสอนด้านการถ่ายรูปเพื่อการสื่อสาร ในคณะนิเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ การทำงานในมูลนิธิภาพถ่ายแห่งประเทศไทยซึ่งมีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นประธานคนปัจจุบัน โดยเข้าไปช่วยในเรื่องการศึกษา บูรณะภาพเก่าให้กลับมามีชีวิตรวมถึงการใช้ภาพสร้างประเทศ

นอกจากนี้ยังทำบริษัท ช่างภาพไทย จำกัด โดยทำเกี่ยวกับการถ่ายภาพหากแต่เป็นรูปแบบที่เปลี่ยนไปให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่สามารถนำไปแชร์สู่โลกโซเชียลได้ทันทีที่ต้องการ

"การถ่ายรูปของผม เป็นการทำคอนเทนต์ โดยใช้ความเป็นช่างภาพถ่ายรูปและเครื่องไม้เครื่องมือที่มี รังสรรค์รูปสวยๆ เสิร์ฟถึงมือถือของลูกค้าได้เลย"

เพราะความมักคุ้นกับนายสุวัจน์ จากการทำงานในมูลนิธิภาพถ่ายฯทำให้เจา-ทวีชัย เป็นตัวประสานเจรจาเปิดตัวงานใหม่ สตูดิโอถ่ายภาพใต้น้ำ ที่สวนน้ำวานา นาวา หัวหิน ซึ่งมีบุตรสาวของนายสุวัจน์ เป็นผู้บริหารงานอยู่

"ตอนที่ผมสอนนักศึกษาถ่ายภาพโฆษณามีทดลองถ่ายในแบบต่างๆ รวมถึงการนำมะเขือเทศ พริกหยวก ทิ้งลงในน้ำให้น้ำกระเซ่นขึ้นมา (Splash) แล้วจับภาพการกระเซ่นของน้ำที่มีเจ้ามะเขือเทศทิ้งลงไปแล้วมองลองคิดว่า ถ้าเป็นคนล่ะ ??"

พอได้ไอเดีย ก็นำเสนอไปยังสวนน้ำวานา นาวาก็มีการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ต่างชาติที่ทางสวนน้ำจ้างมาดูเครื่องเล่นพบว่าทางเขาก็คิดเรื่องนี้แต่ใช้วิธีตั้งกล้องออโต้ ติดตามจุดแล้วใช้เซนเซอร์จับภาพแนวคิดคล้ายๆ CCTV หรือกล้องที่จับภาพรถฝ่าไฟแดงนั่นแหล่ะแต่พอมาเห็นภาพ ที่เกิดจากการถ่ายโดยช่างภาพ ในรูปแบบสตูดิโอ ที่เห็นภาพการสแปช ของน้ำก็ถึงกับอึ้ง ทึ่ง แล้วที่สุด .... ก็เกิดเครื่องเล่นใหม่ขึ้นในวานา นาวา ในชื่อวานาดิโอโดยที่แคนนอนเข้ามาลงทุนทำสตูดิโอใต้น้ำขนาดยักษ์ให้

สวนน้ำวานา นาวา หัวหิน ภายใต้การบริหารงานของ พราวพุธลิปตพัลลภ ทายาทสาวคนเดียวของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภเป็นสวนน้ำที่ออกแบบและสร้างภายใต้แนวคิด วอเตอร์ จังเกิ้ล เป็นการผสมผสาน สวนน้ำที่มีเครื่องเล่นนานาชนิดและป่าเขตร้อนที่มีร่มเงาของต้นไม้น้อยใหญ่กว่า 200,000 ต้น เข้าด้วยกัน ในเนื้อที่กว่า 20 ไร่

และวันที่14 กันยายนนี้ จะเปิดตัวเครื่องเล่นชนิดใหม่วานาดิโอ(Vanadio) ภายใต้การควบคุมดูแลของ เจา-ทวีชัยนั่นเอง

สตูดิโอใต้น้ำขนาดยักษ์ที่แคนนอนลงทุนให้มาเป็นของเล่นใหม่ของบรรดาช่างภาพนี้มีลักษณะเป็นตู้น้ำที่ทำด้วยกระจกหนา 2 นิ้ว มีขนาด 5 x 2 เมตร และลึก 2.5 เมตร มีแรงดันน้ำ 30 ตัน (รับแรงดันน้ำได้สูงสุด 50 ตัน) ด้วยสเปคนี้จึงเป็นตู้กระจกน้ำที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาเพื่อตอบโจทย์ให้สามารถถ่ายภาพครอบครัวได้

ปกติการถ่ายภาพใต้น้ำทั้งช่างภาพและตัวแบบ จะลงไปอยู่ในน้ำด้วยกันการควบคุมทั้งการบาลานซ์ตัวของชางภาพการเปลี่ยนอุปกรณ์ และแสง อะไรต่างๆ ควบคุมได้ไม่ดีนักแต่พอเปลี่ยนมาเป็นสตูดิโอ ช่างภาพก็จะมีลูกเล่นได้มากมายสามารถควบคุมได้ทั้งแสงสี และแม้กระทั่งฉากหากแต่ในระยะแรกของการเริ่มต้นกว่าจะเปิดตัวได้ เจา-ทวีชัยบอกว่าต้องทดลองและแก้ปัญหาที่ไม่คาดคิดมากมาย

"เพราะความที่ไม่เคยมีมาก่อน เราเลยต้องทำงานในลักษณะLearning by doing ทำไปเรียนรู้ไป แก้ปัญหาไป ตั้งแต่เรื่องการถ่ายภาพผ่านกระจกที่หนา 2 นิ้ว ,การซึมของน้ำบริเวณรอยต่อที่เป็นซิลิโคนและสีที่ทาเป็นฉากซึ่งต้องแช่ในน้ำที่มีคลอรีนตลอดเวลา กว่าทุกอย่างจะลงตัวได้ก็ใช้เวลาทดลองและแก้ปัญหากันนานหลายเดือนทีเดียว"

นอกจากอุปสรรคหลักๆแล้ว ยังมีอุปสรรคที่เกิดจากลูกค้าที่จะมาถ่ายภาพอีก บางคนว่ายน้ำไม่เป็นทำให้ต้องจัดหาตัวช่วย เช่น เสาอุปกรณ์ยึดเกาะ ลูกค้าเพียงแค่กลั้นหายใจตอนจมลงใต้น้ำ ทำท่าสวยๆ ชั่วครู่ ค่อยปล่อยลอยตัวขึ้นมา

หรือลูกค้าที่ว่ายน้ำเป็นแล้วก็อาจจะมีปัญหาคือตัวลอยไม่ยอมจม ก็ต้องมีทุ่นถ่วงน้ำหนัก ให้สามารถลงไปยืนโพสต์ท่าเท่ห์ๆใต้น้ำได้ นอกจากนั้นก็มีเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในเวลาถ่ายภาพจริง เช่นการบริหารเวลา

แล้วยังมีปัญหาที่ไม่คาดคิดเช่น ฝ่ายที่เข้ามาซัพพอร์ตไอที เกิดหนีหาย ทั้งที่รับเงินมัดจำไปแล้วจนเกิดเป็นคดีความกัน

เจา-ทวีชัยบอกว่า ขณะนี้พร้อมแล้วที่จะเปิดให้ลูกค้ามาใช้บริการ ที่คิดไว้เฟสแรกจะเป็นการถ่ายภาพกระโดดลงมาให้น้ำกระจายโดยตัวแบบจะทำท่าต่างๆ ระหว่างกระโดด และอีกรูปแบบคือ การถ่ายภาพ Portraitโดยลูกค้าสามารถเลือกแบบสวยๆ แต่งตัว แต่งหน้าในธีมที่เลือกจะออกมาในแนวแฟนตาซี เป็นเจ้าหญิง เจ้าชายโดยทางวานาดิโอจะเตรียมให้ทั้งหมด

"เราจับพฤติกรรมของลูกค้าที่ชอบเซลฟี่ แต่สำคัญคือเราจะไม่ทำอะไรที่ซ้ำซ้อนกับสมาร์ทโฟนแต่เราจะเป็นตัวถ่ายทอดภาพนั้นออกมาด้วยเทคนิกของกล้องถ่ายภาพล้วนๆบวกกับฝีมือของช่างภาพ และระบบของการถ่ายภาพ โดยจะมีช่างภาพประจำแต่ละจุดพอถ่ายเสร็จรูปจะวิ่งไปรวมอยู่ที่เซฟเวอร์เราก็สามารถเลือกรูปในอิริยาบทที่ต้องการออกมาได้ "

สำหรับช่างภาพที่จะมาร่วมงานในการถ่ายภาพล้วนแล้วแต่เป็นช่างภาพมืออาชีพซึ่งเจา-ทวีชัยติดต่อมาจากกลุ่มเพื่อนที่เคยร่วมงานในสื่อต่างๆ รวมถึงช่างภาพในมูลนิธิภาพถ่ายแห่งประเทศไทยมีทั้งที่จะมาเป็นช่างภาพประจำ และฟรีแลนซ์ที่รับงานช่วงวนศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หรือลองวีคเอน อีกทั้งก่อนปล่อยลงสนามต้องมีการเทรนเพื่อให้อารมณ์ของภาพ ตามแบบของรูปมาตรฐานที่ทำไว้ จึงมั่นใจได้ว่าภาพที่ออกมาเป็นที่ถูกใจนักท่องเที่ยวแน่นอน

"เริ่มทดลองงานใหม่ด้วยตัวเองก่อนแต่ตอนไปชวนเพื่อนๆ ช่างภาพมาทำงานด้วยกันหลายคนมองว่า มันใช่พวกแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปแปะในจาน ขายลูกค้าหรือเปล่า(ฮา) จนเราอธิบายให้เห็นภาพ เอาตัวอย่างให้ดูนั่นแหล่ะ ทุกคนโอเคหมด"

เจา-ทวีชัย บอกว่าตั้งแต่ที่เริ่มทำลองกับลูกค้า ช่วงที่ยังไม่เป็นอย่างเป็นทางการมีลูกค้ามาถามไถ่ด้วยความสนใจกันมากโดยสามารถแยกประเภทของลูกค้าที่มาใช้บริการตามไลฟ์สไตล์ได้เป็น 2 กลุ่มหลักๆ คือถ้าเป็นลูกค้าชายและวัยร่นส่วนใหญ่จะชอบแนว Active Sport การกระโดดในท่าทางต่างๆ ส่วนลูกค้าสาวออฟฟิซหรือกลุ่มที่มาเป็นครอบครัว มักจะชอบถ่ายแบบ Portrait เป็นธีมต่างๆฉากสวยๆ

"ท่ามาตรฐานคือการกระโดดที่เราเซ็ตราคาเริ่มต้นไว้ รวมถึงกำหนดการใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที/คน แต่ถ้าจะถ่ายเป็นฉากอื่นๆก็ต้องซื้อเพิ่มโดยเรามีทั้งเครื่องแต่งตัว วิกผม มีช่างแต่งหน้าให้เรียกว่าราคาขึ้นอยู่กับความยากของช็อตที่จะถ่ายด้วย พอถ่ายเสร็จจะเลือกภาพที่ดีที่สุด2 ภาพให้ รวมทั้งจะแถมเป็นวีดีโอการถ่ายแบบของลูกค้าความยาวราว 15 วินาที ให้ด้วย "

แม้ภาพของงานใหม่เป็นรูปเป็นร่างและจะเป็นรูปแบบใหม่ของการถ่ายภาพ แต่กว่าจะถึงวันนี้ เจา-ทวีชัย ใช้เวลาสั่งสมประสบการณ์ในการทำอาชีพถ่ายภาพมาไม่ต่ำกว่า20 ปี แต่จะว่าไปการถ่ายภาพเหมือนฝังอยู่ในดีเอ็นเอของเขาก็ว่าได้ เพราะหลงใหลการจับกล้อง การถ่ายภาพมาตั้งแต่เริ่มรู้ความจนกระทั่งมีกล้องถ่ายภาพตัวล้ำสมัยเป็นของตัวเอง สมัยเรียนมัธยม จนตอนนั้นกลายเป็นตากล้องประจำบ้านและขยับขึ้นมาเป็นตากล้องประจำตำบล เรียกว่าที่ไหนมีงานเป็นต้องเรียกหา เจา-ทวีชัย

"ทุกวันนี้ กล้องคู่กายของผมเป็น Canon 5DSr ก่อนหน้าเคยใช้ยี่ห้ออื่นแต่ไม่ประทับใจเรื่องการบริการ ซึ่งแคนนอนชนะใจผมนอกเหนือจากคุณภาพของอุปกรณ์แล้วก็คือเรื่องการบริการ รวมทั้งในงานบางประเภทที่ต้องใช้เลนส์พิเศษที่เราไม่มีก็อาจจะขอยืมอุปกรณ์ได้อีก"

ใครจะรู้ว่านอกจากงานที่เกี่ยวข้องการถ่ายภาพแล้ว เจา-ทวีชัย ยังทำกับข้าวเก่งอีกต่างหากเพราะเวลาว่างจากงานสิ่งสำคัญที่เขาทำคือ ดูแลรับ-ส่งลูกสาว 2 คน และทำกับข้าวใครอยากชิมฝีมือเขา ทดลองได้ก่อนเลยจาก หมี่โคราชเจา เจาที่เขาเป็นคนทำน้ำปรุงสำเร็จรูปรสต่างๆ ที่มาคู่กับเส้นหมี่โคราชนั่นเอง

"อันนี้ถือเป็นธุรกิจของครอบครัวก็ว่าได้ คือน้องทำเส้นหมี่อยู่แล้วเราก็รับมาทำน้ำปรุง ทำแบรนด์ ออกวางขาย เคยมีห้างใหญ่มาติดต่อให้ไปวางขายแต่เราทำไม่ไหวเพราะต้องทุนสูง ทำสต็อกเยอะ มันเกินกำลัง"

เจา-ทวีชัย ยังเล่าให้ฟังว่าสิ่งหนึ่งที่เขาสานฝันให้ครอบครัวไม่ได้ คือ การสืบต่อธุรกิจโรงสีลการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย รับราชการทหาร อย่างที่พ่อหวังไม่ได้ ... จากเด็กสายวิทย์เลยผันตัวเองมาเรียนสายศิลป์ในมหาวิทยาลัย และหักดิบตัวเองจากนักข่าวมาเป็นช่างภาพเต็มตัว

"ผมเองติดกับดักอยู่กับช่างภาพมาจนวันนี้ถ้าผมทำโรงสีอย่างที่แม่อยากให้ทำก็คงรวยไปแล้วแบบที่น้องสาวของเขาที่ต้องมารับหน้าที่นี้แทน เคยมีคนถามเหมือนกัน แต่ผมบอกได้แค่ว่ามันผ่านไปแล้ว และผมเลือกที่จะทำตรงนี้เอง"

เจา-ทวีชัยเลือกที่จะบริหารความสุข อย่างที่ตัวเองต้องการ และนั่นคือไลฟ์สไตล์ของเราจนส่งผ่านมาเป็นเรื่องราวของไลฟ์เตอร์ ในตัวตนที่เป็นคนค้นหาความสุขในมุมเล็กๆส่วนตัวจากการภาพถ่าย

"บางทีมันอธิบายไม่ได้ แต่มีความสุข มีกล้องเที่ยวไป ถ่ายภาพไปได้เจอเพื่อนๆ ในวงการที่ชอบกล้องเหมือนกันก็มีพูดคุย มันเกิดมิตรภาพ มีการแชร์ภาพกันก็เหมือนคนวงการอื่นที่พอเจอพวกกันก็คุยกันถูกคอ"

แต่สิ่งหนึ่งที่เจา-ทวีชัยมองว่าเป็นสิ่งสำคัญที่อยากฝากถึงทุกคนทั้งที่ชอบการถ่ายภาพและภาพถ่ายคือการต้องให้เกียรติเจ้าของภาพ เนื่องจากภาพถ่ายเป็นภาษาสากล แต่โลกโซเชียลที่คนชอบแชะ& แชร์ในทุกวันนี้น่ากลัวตรงที่ทำให้มีการละเมิดเกิดขึ้นบางคนนำรูปของคนอื่นมาแต่งนิดหน่อยแล้วทำเนียนว่าเป็นของตัวเอง

"ผมเองดีใจนะ ถ้ามีคนนำรูปของเราไปใช้ มันเหมือนรูปมีคนชอบ มีคนเห็นค่าแต่ต้องให้เกียรติซึ่งกันละกันจึงอยากฝากถึงทุกคนให้ตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มาก"

แม้วันนี้ฝันของเขาทำให้เปิดโลกใบใหม่ที่ค้นพบ และเป็นรูปเป็นร่าง เป็นความภาคภูมิใจใหม่แต่เจา-ทวีชัยก็ยังไม่หยุดฝันที่จะค้นหาสิ่งใหม่ๆ ให้กับตัวเอง เขาบอกว่าถ้ามีโอกาส ก็ยังอยากจะทำรายการทีวี อย่างที่รุ่นพี่ที่เคยทำงานอยู่ทีวีเนชั่นชวนเอาไว้แม้ว่ามันอาจจะทำให้เขาต้องทุ่มเทเวลาให้มากมาย ... หากแต่ คือความท้าทาย ที่ปลุกวิญญาณเขาไม่ให้หยุดนิ่งและแน่นอนว่ามันเกี่ยวของกับงานถ่ายภาพที่เขารักนั่นเอง

---------------------------------------------------------------

ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ผ่านภาพถ่าย ได้ที่นี่https://www.canonlife.com