ในอาชีพช่างตัดผม นายจำรัส คำแพงดี วัย 50 ปี เล่าให้ฟังว่าเข้ามาเปิดร้านตัดผมในกองบังคับการปราบปราม เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2541 สมัยผู้การอัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้บังคับการกองปราบฯ
ช่วงแรก ๆ ของการเริ่มต้นอาชีพ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยังไม่กล้าเข้ามาใช้บริการมากนัก มีเพียงตำรวจระดับชั้นประทวน ยศจ่าเข้ามาให้แต่งเสริมหล่อ จนเริ่มมีลูกค้าเข้ามาให้ตัดแต่งทรงผมกันมากขึ้น และถูกกล่าวถึงฝีมือในการ ซอย ตัด แต่งทรงผม และการให้บริการอย่างเป็นกันเอง จึงมีตำรวจระดับรองผู้การ จนถึงผู้การอัศวิน ขวัญเมือง เข้ามาใช้บริการ
ปัจจุบันแม้ท่านจะเกษียนไปแล้วแต่ท่านก็ยังคงไว้วางใจในการใช้กรรไกร และปัตตาเลี่ยนของผม ซึ่งทุก ๆ เดือนผมจะต้องขับรถไปตัดผมให้ท่านที่บ้านพัก นายจำรัสกล่าวจนทุกวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผู้การมากกว่า 32 คน เดินทางมาให้นายจำรัส ตัดแต่งทรงผม จนกลายเป็นลูกค้าประจำ เพราะชื่นชอบในการให้บริการ แม้ว่าจะเกษียนอายุราชการไปแล้วก็ยังเดินทางกลับมาใช้บริการที่ ร้านจำรัสบาร์เบอร์ ชื่อร้านที่ลูกค้าตั้งให้ตามชื่อของช่างตัดผมเงินทุกบาท ทุกสตางค์ ที่นายจำรัสได้รับ กลายเป็นรายได้ในการเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง ดูแลครอบครัว และส่งเงินให้หลานทั้ง 2 คนได้เรียนจนจบระดับปริญญาตรี
หลังวันที่ 30 มิถุนายน 2558 นี้ ร้านตัดผมจำรัสบาร์เบอร์ คงต้องปิดตัวชั่วคราว นายจำรัส คำแพงดี ช่างตัดผม คงต้องเปลี่ยนอาชีพไปขายน้ำพริก หรือไม่ก็ปลูกผักที่บ้านเกิด หลังจากจะมีการทุบอาคาร ในกองปราบฯ เพื่อสร้างอาคารใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ เขาพยายามออกเดินหาพื้นที่ เพื่อเช่าเป็นร้านตัดผม แต่ก็สู้ราคาค่าเช่าไม่ไหว ซึ่งเขาก็หวังเพียงแค่ว่า เมื่อวันหนึ่งที่อาคารสร้างเสร็จ เขาจะมีโอกาสกลับมาเปิดร้านจำรัสบาร์เบอร์ ให้บริการลูกค้าที่นี่อีกครั้ง
Behind the Scene ปล่อยมุกกระจายระหว่างการถ่ายทำ