นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ จะแวะที่รัฐฮาวาย เพื่อเยี่ยมเยือนฐานทัพเรือที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ ที่เคยถูกเครื่องบินญี่ปุ่นโจมตีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่นในวันที่ 5 พ.ย. และหารือกับนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในประเด็นที่เกี่ยวกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
จากนั้นผู้นำสหรัฐจะเดินทางไปเกาหลีใต้ และเยือนเขตปลอดทหารซึ่งเป็นพื้นที่กั้นกลางระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ จากนั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ จะกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสภาของเกาหลีใต้ และจะเจรจากับประธานาธิบดีมูน แจ-อิน ในวันที่ 7 พ.ย. เกี่ยวกับมาตรการที่จะนำมาใช้กับเกาหลีเหนือและในส่วนของจีน ประธานาธิบดีทรัมป์ จะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกดดันรัฐบาลกรุงเปียงยางเช่นกัน
ผู้นำสหรัฐจะเข้าร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่เมืองดานัง เวียดนาม โดยจะกล่าวถึงมุมมองของรัฐบาลสหรัฐ ที่มีต่อภูมิภาคอินโดจีนโดยรวม รวมถึงการเน้นย้ำความสำคัญของอาเซียน ที่มีต่อความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจของสหรัฐด้วย ซึ่งคาดว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ จะต้องเผชิญกับคำถามว่าทำไมสหรัฐจึงถอนตัวออกจากข้อตกลงการค้าเสรี (ทีพีพี) ที่รัฐบาลสหรัฐในสมัยนายบารัก โอบามา เป็นผู้เริ่มต้นและผลักดัน
ปิดท้ายการเยือนภูมิภาคเอเชียของผู้นำสหรัฐด้วยการร่วมพิธีฉลองครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งสมาคมอาเซียนที่ฟิลิปปินส์ รวมทั้งพิธีรำลึกในโอกาสครบรอบ 40 ปีที่สหรัฐเริ่มสานสัมพันธ์กับอาเซียน และร่วมเจรจาหารือกับประธานาธิบดีโรดริโก้ ดูเตอร์เต ของฟิลิปปินส์