svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

เอสโตเนีย "ประเทศคลาวด์"

11 สิงหาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หลังจากถูก cyber attack โดยรัสเซีย เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2007 จนระบบธนาคาร ระบบการกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม



ไปจนถึงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของรัฐบาลล้มเหลวทั้งหมด ประเทศเอสโตเนียซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ  ก็นำเอาบทเรียนในครั้งนั้นมาเป็นแรงผลักดันเพื่อพัฒนาประเทศ จนในวันนี้สามารถเรียกได้ว่า เอสโตเนียเป็น "ประเทศดิจิทัล" อย่างแท้จริง และเป็นประเทศหนึ่งที่มีผู้เชี่ยวชาญด้าน cybersecurity จำนวนมาก ด้วยความที่เอสโตเนียเป็นประเทศที่เล็กและมีภัยคุกคามด้าน cyber จึงทำให้เปลี่ยนแปลงประเทศได้อย่างรวดเร็วจนประเทศอื่นต้องเอาไปเป็นกรณีศึกษา
เอสโตเนียเป็นประเทศที่มีบริการของรัฐ 95% เป็นบริการออนไลน์ คุณสามารถลงคะแนนเสียง แจ้งเกิด แจ้งจดทะเบียนรถยนต์ เอกสารราชการต่างๆ และการตั้งธุรกิจออนไลน์ โดยสามารถทำได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ เพราะเอสโตเนียมีระบบ eGovernment ที่ใช้เทคโนโลยี Blockchain เป็นแพลทฟอร์มขับเคลื่อน โดยเอสโตเนียเก็บข้อมูลประชาชนในทุกประเภทในรูปแบบอิเล็คทรอนิกส์บน Blockchain เช่น ข้อมูลด้านสุขภาพและการแพทย์ เป็นต้น ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าเอสโตเนียเป็นประเทศเดียวในขณะนี้ ที่มีระบบ Govtech ที่สมบูรณ์แบบที่สุดบน Blockchain แพลทฟอร์ม
เอสโตเนียวางแผนที่จะ upload ข้อมูลของรัฐบาลจำนวนมากเข้าสู่ระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud computing) เพื่อป้องกันภัยคุกคามด้านความมั่นคง เพราะหากประเทศถูกเข้ายึดทำลาย รัฐบาลก็ยังสามารถทำงานบนแพลทฟอร์ม cloud จากต่างประเทศได้ ถ้าหากจำเป็น
การเติบโตของการใช้งานออนไลน์ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง ให้แก่ประเทศเอสโตเนียที่มีประชากร 1.3 ล้านคน โดยรัฐบาลต้องการมั่นใจว่าจะมี "ความต่อเนื่องทางระบบดิจิทัล"  โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย ซึ่งรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะทำการย้ายข้อมูลสู่ระบบคลาวด์ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นไป
รัฐบอลติก เอสโตเนีย ลิทัวเนียและลัตเวียมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับรัสเซียนับตั้งแต่รัสเซียได้ยึดแคว้นไครเมียจากยูเครน ความทรงจำจากการปกครองของสหภาพโซเวียตที่เพิ่งสิ้นสุดเมื่อกว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็ยังคงหลอนอยู่สำหรับนักการเมืองและผู้มีสิทธิเลือกตั้งในสามประเทศดังกล่าว
เอสโตเนียได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ต่อเวบไซต์ทั้งของภาครัฐและเอกชนเมื่อปี 2007 หลังจากตัดสินใจที่จะย้ายรูปปั้นยุคโซเวียตจากจัตุรัสในเมืองหลวงทาลลินน์ ทำให้เกิดการเดินประท้วงบนท้องถนนโดยชาวรัสเซีย
เว็บไซต์ของรัฐถูกทำให้ใช้งานได้ช้าลงและเว็บไซต์ธนาคารออนไลน์ถูกปิด เอสโตเนียได้โทษรัสเซียที่โจมตี แต่รัฐบาลเครมลินปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าว
นาย Taavi Roivas นายกรัฐมนตรีเอสโตเนียกล่าวกับ Reuters ที่เมืองทาลลินน์ว่า "เราพร้อมมากจากการเรียนรู้ในการโจมตีครั้งก่อน สิ่งหนึ่งที่เราต้องสนใจก็คือระบบข้อมูลของเรามีความอ่อนแอทางกายภาพหรือไม่ ถ้ามีความเสี่ยงเช่นนั้น เราก็ควรที่จะต้องมีความสามารถในการบริหารราชการจากที่ตั้งอื่น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะถูกการโจมตี" 
ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้นำของประเทศขนาดเล็กที่มีความเสี่ยงสูงจากการที่จะถูกโจมตี เอสโตเนียจึงตัดสินใจสู่ "ประเทศในระบบคลาวด์" โดยแผนการคร่าวๆ คือ ใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพื่อสำรองข้อมูลจากการโจมตีในโลกไซเบอร์หรือจากภัยพิบัติทางธรรมชาติหรือที่มนุษย์สร้างขึ้น ซึ่งอาจจะตัองมีเซิร์ฟเวอร์ที่สถานทูตเอสโตเนียในต่างประเทศอีกด้วย
ประชากรในเอสโตเนียทุกคนมีหมายเลขดิจิทัลสำหรับเข้าถึงบริการของรัฐรวมถึงการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ในขณะที่ประเทศในยุโรปอื่น ๆ รวมทั้งประเทศเยอรมนีปฏิเสธที่จะยอมรับความคิดนี้ และสำหรับในเอสโตเนียก็มีข้อโต้แย้งเช่นกัน แต่มีเพียงเล็กน้อย
ในเซิร์ฟเวอร์คลาวด์เอกชน รัฐบาลพยายามป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ เช่น เว็บไซต์ของประธานาธิบดีที่ไม่ได้เก็บข้อมูลสำคัญไว้ แต่ถ้ามีการโจมตีสำเร็จ ก็จะเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะสำหรับแฮกเกอร์ได้ ส่วนข้อมูลและบริการของรัฐจะถูก upload เข้าสู่ระบบคลาวด์ โดยในปี 2016 ข้อมูลที่เปิดเผยได้ เช่น ทะเบียนสิทธิการเป็นเจ้าของที่ดินและราชกิจจานุเบกษาของรัฐ ได้มีการเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์เชิงพาณิชย์ เช่น ในระบบคลาวด์ของ Amazon และ Microsoft
อย่างไรก็ตาม แนวคิดและแผนที่จะให้รัฐบาลสามารถสั่งการและบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์วิกฤติด้วยระบบคลาวด์จากสถานทูตเอสโตเนียในต่างประเทศ เช่น ในกรณีเกิดภัยพิบัติหรือมีการโจมตีจากรัสเซีย ก็ยังเป็นประเด็นด้านกฎหมายและปัญหาทางเทคนิค แต่ผู้นำประเทศเอสโตเนียก็เชื่อมั่นว่าจะจบลงที่พวกเขามีประเทศอยู่ในคลาวด์ Reference[1] http://www.reuters.com/article/us-estonia-cybersecurity-idUSKBN0TN1BT20151204[2] http://www.bbc.com/news/39655415

พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)www.เศรษฐพงค์[email protected]

logoline