อังกฤษโยง "ญิฮัด" ก่อการร้ายบนสะพานลอนดอน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยอังกฤษ นางสาวแอมเบอร์ รัดด์ ให้สัมภาษณ์ว่า การก่อการร้ายครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในกรุงลอนดอน ช่วงดึกของวันเสาร์ (3 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอิสลามที่มีแนวคิดสุดโต่ง 
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากคนร้ายได้ขับรถตู้พุ่งชนผู้คนที่กำลังเดินอยู่บนสะพานลอนดอนในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ก่อนลงจากรถและไล่แทงคนบนทางเท้าและในบาร์ย่านตลาดโบโร ที่ตั้งอยู่ใกล้สะพานดังกล่าว แต่หลังจากนั้นไม่นานตำรวจได้รุดเข้าไปยังที่เกิดเหตุ และวิสามัญฆาตรกรรมผู้ก่อเหตุ 3 คน  
หลังเกิดเหตุ ผู้อยู่ในเหตุการณ์หลายคน เผยว่า เห็นชาย 2 คนใช้มีดไล่แทงผู้คนนอกร้านอาหาร "โรสท์" ที่มีชื่อเสียง ในย่านตลาดโบโร ซึ่งคนในบริเวณนั้นก็ตะโกนให้หยุด ขณะที่บางคนก็ขว้างเก้าอี้ใส่ผู้ก่อเหตุ และเมื่อตำรวจมาถึงก็ยิงผู้ก่อเหตุจนเสียชีวิต 
ด้านผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นางสาวเครสซิดา ดิค ได้ยืนยันว่า นอกจากผู้ก่อเหตุที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม ก็มีเหยื่อที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้อย่างน้อย 7 คน และบาดเจ็บ 48 คน  
เธอกล่าวอีกว่า แม้ขณะนี้ตำรวจควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องจับตาและค้นหาตัวผู้เกี่ยวข้องในบริเวณที่เกิดเหตุต่อไป 
การก่อการร้ายดังกล่าว เกิดขึ้นเกิดก่อนการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรของอังกฤษเพียงไม่กี่วัน ทำให้พรรคการเมืองหลายพรรค รวมถึง พรรคอนุรักษ์นิยมของนายกรัฐมนตรี เธเรซา เมย์ และพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ยุติการหาเสียงในวันนี้ (4 มิ.ย.) และจะกลับมาหาเสียงอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.)  
ถึงอย่างนั้น นางสาวเมย์ ก็แถลงชัดเจนว่า แม้ 2 พรรคการเมืองใหญ่ได้ระงับการหาเสียงชั่วคราว แต่จะไม่ปล่อยให้ความรุนแรงใดๆ ก็ตามมาขัดความกระบวนการประชาธิปไตย และการเลือกตั้งทั่วไปก็จะจัดขึ้นตามแผนการเดิมในวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.)  
ขณะเดียวกัน ผู้นำหลายชาติก็ได้แสดงความเสียใจต่อเหยื่อและประณามการก่อเหตุ อย่างเช่น นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี ที่กล่าวปลอบใจชาวอังกฤษว่า เธอรู้สึกเห็นอกเห็นใจเหยื่อจากการโจมตีครั้งนี้และครอบครัวเหยื่อ ทั้งอังกฤษและเยอรมนีไม่เพียงแต่เผชิญเรื่องสุดสลดและร้ายแรงมาด้วยกัน แต่ยังมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ดังนั้นเยอรมนีจะยืนอยู่ข้างอังกฤษในการต่อสู้กับการก่อการร้าย 
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ก็ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ว่า หากต้องการให้สหรัฐช่วยเหลือเรื่องใดในกรุงลอนดอนและอังกฤษ สหรัฐก็ยินดี  
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ยิ่งตอกย้ำกระแสการโจมตีแบบ "โลนวูลฟ์" หรือการก่อเหตุร้ายเพียงลำพัง แม้เหตุการณ์ล่าสุดนี้มีการวิสามัญฆาตกรรมผู้ก่อเหตุถึง 3 คน ก็ตาม แต่ก็ยังถือว่ามีจำนวนผู้ก่อเหตุน้อยกว่าการก่อการร้ายในอดีต โดยนอกเหนือจากเหตุโจมตีสะพานเวสต์มินสเตอร์แล้วในปีที่ผ่านมายังมีเหตุขับรถพุ่งชนฝูงชนในเมืองใหญ่ อย่าง กรุงเบอร์ลินของเยอรมนี และเมืองนีซของฝรั่งเศส ด้วย