"ไอเอส" รับ อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย "แมนเชสเตอร์ อารีนา"

กลุ่มไอเอสเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียวันนี้แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดภายในสถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ต แมนเชสเตอร์ อารีนา ในเมืองแมนเชสเตอร์โดยระบุว่า หนึ่งในทหารของรัฐกาหลิบวางระเบิดท่ามกลางฝูงชน พร้อมกับขู่ว่าจะโจมตีอีก
เหตุโจมตีครั้งนองเลือดที่สุดในรอบ 12 ปีเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วกลุ่มไอเอสเพิ่งออกคลิปวิดีโอความยาว 44 นาที ที่มีภาพของนักรบหลากหลายเชื้อชาติเชิญชวนให้ผู้สนับสนุนกลับไปบ้านเกิดเพื่อก่อเหตุรุนแรง และหนึ่งในนี้ระบุว่าตัวเองเป็นชาวอังกฤษ ที่ผ่านมาไอเอสเคยออกโฆษณาชวนเชื่อที่มีเนื้อหาโจมตีอังกฤษหลายครั้ง 
เอียน ฮอปกินส์ ผู้กำกับการตำรวจเมืองแมนเชสเตอร์ แถลงวันนี้ว่า จากข้อมูลขณะนี้เชื่อได้ว่า เหตุระเบิดเป็นการกระทำของชายคนหนึ่ง โดยเขาจุดระเบิดแสวงเครื่อง และเสียชีวิตภายในสถานที่จัดคอนเสิร์ต แต่กำลังตรวจสอบว่าเขาลงมือโดยเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายหรือไม่ ต่อมาตำรวจ แจ้งว่า สามารถจับกุมชายวัย 23 ปีได้ที่ศูนย์การค้าอัมเดล เซนเตอร์ และกำลังตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดหรือไม่ รวมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนร่วมเผยแพร่ภาพเหตุการณ์เพื่อใช้เป็นเบาะแสในการสอบสวน
นอกจากนี้ตำรวจ เปิดเผยว่า มีเด็กจำนวนหนึ่งอยู่ในกลุ่มผู้เสียชีวิต 22 คนจากเหตุระเบิด และยังมีผู้บาดเจ็บ 59 คน นับเป็นการโจมตีนองเลือดที่สุดในรอบ 12 ปี
นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แถลงวันนี้ภายหลังการประชุมด่วนร่วมกับคณะกรรมาธิการรับมือเหตุฉุกเฉิน"คอบรา"เมื่อช่วงเช้า โดยบอกว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ประชาชนในแมนเชสเตอร์และอังกฤษตกเป็นเหยื่อของการก่อการร้ายโหดเหี้ยม ที่พุ่งเป้าโจมตีคนอายุน้อยที่สุดในสังคม โดยมีการคิดคำนวนด้วยความเลือดเย็น นับเป็นหนึ่งในเหตุก่อการร้ายที่รุนแรงที่สุดเท่าที่อังกฤษเคยประสบ พร้อมทั้งบอกว่า ตำรวจน่าจะรู้ชื่อตัวคนร้ายแล้ว แต่ยังไม่อาจยืนยันได็
หลายคลิปที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์แสดงให้เห็นว่า ผู้ชมคอนเสิร์ตซึ่งส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นและเด็กกรีดร้องและวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก หลายคนกระโดดข้ามราวกั้นและเก้าอี้ในสนามที่จุผู้ชมได้ 21,000 ที่นั่ง ขณะที่พ่อแม่หลายคนโพสต์รูปถ่ายของบุตรหลานทางสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้สังคมช่วยกันตามหา และตระเวณไปตามโรงพยาบาล 8 แห่งทั่วเมืองที่รับคนเจ็บรักษา
ธงชาติถูกลดลงครึ่งเสาบนถนนดาวนิงสตรีทและศาลาว่าการเมืองแมนเชสเตอร์เพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต พรรครัฐบาลและพรรคใหญ่อีกหลายพรรคประกาศระงับการหาเสียงเลือกตั้งแล้ว ขณะเหลือเวลาอีกเพียงกว่าสองสัปดาห์จะถึงวันเลือกตั้งทั่วไป 8 มิ.ย. 
ขณะที่ผู้นำทั่วโลกทั้ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์, นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิลและประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ต่างร่วมประนามเหตุระเบิด และพร้อมให้ความร่วมมือปราบปรามภัยก่อการร้าย