"เจ้าชายแฮร์รี" เผยทรงแสร้งลืมเศร้าเรื่องเสียพระมารดาเกือบ 20 ปี

17 เม.ย. 60 เจ้าชายแฮร์รี แห่งเวลส์ ประทานสัมภาษณ์แก่หนังสือพิมพ์เดลี เทเลกราฟของอังกฤษว่า นับตั้งแต่ทรงสูญเสียพระมารดาเมื่อพระชนมายุได้เพียง 12 พรรษา พระองค์ทรงพยายามไม่คิดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว แสร้งทำเป็นว่าไม่โศกเศร้า ปิดกั้นอารมณ์ทุกอย่างไม่ให้เกิดขึ้นในพระทัยมาเป็นเวลานานจนกระทั่งมีพระชนมายุเกือบ 30 ชันษาและทรงเข้ารับคำปรึกษาจากจิตแพทย์เมื่อกว่า 2 ปีก่อน
รัชทายาทลำดับที่ 5 ของราชวงศ์อังกฤษทรงรำลึกถึงอดีตเมื่อพระมารดาสิ้นพระชนม์ในปี 2540 ว่า วิธีที่ทรงใช้จัดการกับความเศร้านั้นเหมือนกับนกกระจอกเทศที่มุดหัวลงใต้พื้นทราย ทรงพยายามไม่คิดถึงพระมารดา เพราะทรงเห็นว่าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ในช่วงวัยรุ่นและช่วงที่มีพระชนมายุก่อนถึง 30 ชันษา พระองค์ก็ทรงเหมือนกับคนหนุ่มทั่วไปที่พยายามกล่อมตนเองว่าชีวิตเป็นปกติสุขดี แต่ในที่สุดก็ทรงพบบทสนทนาซึ่งผลักเอาความรู้สึกที่ถูกเก็บซ่อนไว้ให้กลับมาอยู่ตรงหน้า และทำให้ทรงรู้สึกว่าจะต้องเผชิญหน้าและจัดการกับความเศร้าที่เก็บฝังไว้มานานอย่างจริงจังเสียที
"เรื่องในครั้งนั้นส่งผลค่อนข้างร้ายแรง ไม่เพียงแต่กับชีวิตส่วนตัวเท่านั้น แต่กับหน้าที่การงานของข้าพเจ้าด้วย ข้าพเจ้าน่าจะเกือบสติหลุดไปหลายครั้งแล้ว ในช่วงที่ความเศร้าเสียใจ เรื่องเข้าใจผิด และเรื่องโกหกทั้งหลายรุมเร้าเข้ามา" เจ้าชายแฮร์รี ตรัส
เจ้าชายแฮร์รี ตรัสอีกว่า ได้เสด็จไปพบจิตแพทย์มา 2-3 ครั้งหรือมากกว่านั้น และทรงรู้สึกดีขึ้นหลังการพูดคุยปรึกษากับจิตแพทย์ นอกจากนี้ กีฬาต่อยมวยยังช่วยให้พระองค์ได้ปลดปล่อยความรู้สึกโกรธออกมา และช่วยพระองค์ไว้อย่างมากในช่วงเวลา 2 ปีแห่งความสับสน อย่างไรก็ตาม การไปพบจิตแพทย์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องสมัยที่พระองค์เคยปฏิบัติหน้าที่ทางทหารในอัฟกานิสถาน
ด้านเจ้าชายวิลเลียม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ พระเชษฐาทรงเป็นผู้ให้กำลังใจและสนับสนุนให้เจ้าชายแฮร์รีพบจิตแพทย์ โดยตรัสว่าการที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเฝ้าย้ำกับพระองค์เองว่าทรงสบายดีและไม่เป็นอะไร ทั้งที่ได้ผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตมานั้น ไม่ใช่เรื่องปกติ
เจ้าชายแฮร์รีทรงเผยถึงความในพระทัยดังกล่าวเพื่อรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพจิต และลบเลือนภาพลักษณ์ในทางที่ไม่ดีของการไปพบจิตแพทย์หรือเข้ารับการบำบัดทางจิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ระดมทุนเพื่อการกุศลในงานแข่งขันวิ่งระยะไกล "ลอนดอน มาราธอน" ประจำปีนี้