"โอบามา" ฉีกธรรมเนียมปฏิบัติผู้นำสหรัฐ พร้อมวิจารณ์"ทรัมป์"หลังพ้นตำแหน่ง

ในระหว่างแถลงข่าวในกาประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิคหรือ เอเปค ที่กรุงลิมาของเปรูเมื่อวันอาทิตย์ ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวว่า พร้อมจะช่วยเหลือนายโดนัลด์ ทรัมป์ และให้เวลาผู้นำคนใหม่ได้ผลักดันนโยบายตามวิสัยทัศน์ของเขา เหมือนกับที่เขาเคยได้รับจากอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช แต่หากมีเรื่องใดที่ส่อสวนทางกับค่านิยมและอุดมการณ์ของสหรัฐ ก็อาจจะออกมาแสดงความเห็นในประเด็นเหล่านั้น หากคิดว่ามีประโยชน์ หรือมีความจำเป็น ในฐานะพลเมืองอเมริกันที่มีความห่วงใยประเทศอย่างลึกซึ้ง
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อออกจากทำเนียบขาวแล้ว มักอยู่เงียบๆ และเลี่ยงแสดงความเห็นหรือวิจารณ์ผู้มารับตำแหน่งต่อ
ตลอดการหาเสียงชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวอย่างดุเดือด มีหลายครั้งที่ประธานาธิบดีโอบามากล่าวโจมตีทรัมป์ ที่ชูนโยบายกีดกันมุสลิมเข้าประเทศ เนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายหลายล้าน เพิกถอนนโยบายประกันสุขภาพ โอบามาแคร์ หรือ ถอนตัวจากข้อตกลงปารีส เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก
โอบามาไม่พูดชัดเจนว่าเขาจะวิจารณ์ทรัมป์ในประเด็นใดบ้าง แต่เป็นไปได้ว่าอาจเกี่ยวกับหลักพื้นฐานที่โอบามายึดถือ เช่น สิทธิชนกลุ่มน้อย การปกป้องและเคารพวิถีชีวิตพลเมืองอย่างเสมอภาค แต่โอบามายังมีความเชื่อว่า ความรับผิดชอบอย่างมหาศาลจากตำแหน่งประธานาธิบดีจะบังคับให้ทรัมป์ต้องปรับนโยบายสุดขั้วเอง
โอบามา ซึ่งแถลงกับสื่อต่างประเทศครั้งสุดท้ายก่อนอำลาตำแหน่งประธานาธิบดีที่รับผิดชอบมานาน 8 ปี เปิดเผยด้วยว่า หลังพ้นตำแหน่ง จะพาภรรยาไปเที่ยวพักผ่อน ใช้เวลากับลูกสาว และอาจเขียนหนังสือ
นอกจากนี้เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถามเรื่องประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน หากทรัมป์มหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี โอบามาเลี่ยงที่จะตอบโดยตรง และยกตัวอย่างกรณีของตัวเองแทน โดยบอกว่าเขาโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินต่างๆที่อาจถูกมองว่ามีผลต่อการดำเนินนโยบาย พร้อมกันนี้เขาแสดงความภาคภูมิใจอย่างมากว่าตลอดการทำงาน 8 ปี รัฐบาลของเขาไม่เคยมีประเด็นอื้อฉาวเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนเหมือนในรัฐบาลอื่นๆ
ขณะที่ไรน์ซ พรีบัส ซึ่งจะเป็นประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวของทรัมป์ ยืนยันว่าที่ปรึกษาทำเนียบขาวจะตรวจสอบทุกอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน
ปัจจุบันกฎหมายสหรัฐไม่ได้บังคับว่าประธานาธิบดีจะต้องสละผลประโยชน์ทางการเงินใดๆทั้งหมดก่อนเข้ารับตำแหน่ง