สัมพันธ์ "ไทย-กัมพูชา" ยังราบรื่น

ความสัมพันธ์ทางการทูตและการเมืองระหว่างกัมพูชาและไทยราบรื่นและกลับสู่ระดับปกติช่วงไม่กี่ปีมานี้ หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินเมื่อปี 2556 ช่วยให้ความขัดแย้งเรื่องพื้นที่ใกล้ปราสาทเขาพระวิหารสงบลง
ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลกัมพูชายังสานสัมพันธ์ชื่นมื่นเกินคาดกับรัฐบาลไทยที่เข้าปกครองประเทศผ่านการรัฐประหารที่ไร้การนองเลือดเมื่อปี 2557 โค่นล้มรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างกัมพูชาและไทย ได้สร้างความสงสัยต่อความสัมพันธ์ระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และเพื่อนเก่าอย่างทักษิณ ท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้นระหว่างฮุน เซนกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ดร.เดช สก อุดม ซึ่งศึกษาความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย แสดงความเห็นว่า ความใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างรัฐบาลฮุน เซน กับรัฐบาลทหารของไทย จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์และมิตรภาพที่มีต่อทักษิณ กลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคเพื่อไทย
ดร.เดช สก อุดม นักวิชาการชาวกัมพูชาที่ศึกษาการเมืองไทย"เวลานี้ ทักษิณอาจเข้าใจถึงความจำเป็นของกัมพูชาในเรื่องนี้ เขาไม่สามารถกล่าวหาฮุน เซน หรือ รัฐบาลกัมพูชาที่ทำเช่นนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระดับประ เทศ จึงไม่อาจเห็นเรื่องส่วนตัวมาก่อนได้"
ตามความเห็นของดร.เดช แม้ทางการไทยหวังเห็นอนาคตใหม่ทางการเมืองของประเทศ หลังร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านความเห็นชอบในการลงประชามติ แต่ไทยยังอาจหนีไม่พ้นวงจรการเปลี่ยนขั้วอำนาจระหว่างพลเรือนและกองทัพ
และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศจะยังคงราบรื่น แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในไทยที่จะเกิดขึ้นตามมาภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชาในปี 2561
ดร.เดช สก อุดม นักวิชาการชาวกัมพูชา"ผมหวังว่าความสัมพันธ์ของสองชาติจะยังคงราบรื่นดีแม้ในกรณีมีการเปลี่ยนผู้นำการเมืองคนใหม่ในไทย และจะไม่ส่งผลกระทบสำคัญต่อความสัมพันธ์กัมพูชา-ไทย แต่ปัญหาเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร พรมแดน และพื้นที่พิพาท ผมคิดว่า หากไทยยังไม่สามารถสร้างเสถียรภาพทางการเมือง หรือ หากรัฐบาลพลเรือนไม่ได้เข้าบริหาร หรือไม่มีอำนาจเจรจาอย่างสันติกับกัมพูชา ปราสาทเขาพระวิหารจะกลายเป็นประเด็นขัดแย้งครั้งใหม่ในสักวัน ซึ่งอาจยังไม่ใช่เวลานี้ แต่อาจถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นแสวงประโยชน์ทางการเมืองในไทยสักวัน"
ดร.เดช ยังเชื่อด้วยว่า การปักปันเขตแดนทางทะเลในอ่าวไทยจะสามารถแก้ไขได้ผ่านการเจรจาอย่างสันติ ซึ่งเรื่องนี้ไม่อ่อนไหวรุนแรงเท่ากับกรณีปราสาทเขาพระวิหาร