สื่อต่างประเทศรายงานว่า ต่อกรณีจีนได้กล่าวอ้างสิทธิ์อธิปไตยเหนือบริเวณ 3.5 ล้านตารางกิโลเมตรของทะเลจีนใต้ หรือ nine-dashed line ซึ่งทับซ้อนกับการอ้างสิทธิ์บางส่วนในทะเลของฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม และไต้หวัน ซึ่งปัญหาข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่เพียงเรื่องอธิปไตยเหนือดินแดนและเขตแดนทางทะเลเท่านั้น ยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของภูมิภาค เกี่ยวพันกับการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเล เสรีภาพและความปลอดภัยในการเดินเรือ อีกทั้งยังเป็นแหล่งประมงที่สำคัญ คาดว่าเป็นแหล่งทรัพยากรน้ำมันและก๊าซปริมาณมหาศาลด้วย
ในความขัดแย้งดังกล่าว ฟิลิปปินส์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลประจำอนุญาโตตุลาการ คัดค้านการอ้างสิทธิ์ของจีน และกล่าวหาว่าการดำเนินการเชิงรุกต่างๆ ของจีนในทะเลจีนใต้ ขัดต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) ตามที่ทั้งสองประเทศได้ให้สัตยาบันไว้ เนื่องจากสถานการณ์มีความตึงเครียดมากขึ้น
ขณะที่จีนประกาศปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกระบวนการศาล โดยอ้างว่า ตนไม่มีพันธะผูกพันตามอนุสัญญาฯ และเป็นเรื่องอธิปไตยของประเทศ ซึ่งไม่อยู่ในเขตอำนาจของศาล รวมถึงยังได้ถมทะเลขยายพื้นที่ของบริเวณหมู่เกาะที่มีความขัดแย้ง ก่อสร้างอาคารสถานที่และสนามบินทางการทหารขึ้นด้วย
ทั้งนี้ แหล่งข่าวแจ้งว่า ส่วนผลคำตัดสินของศาลที่จะมีในเย็นวันนี้ จะให้คำนิยามจัดประเภทที่ดินในทะเลแห่งนี้ว่า อะไรคือโขดหิน เกาะ หรือที่ดินที่ผุดขึ้นเมื่อน้ำลด ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินเขตแดน เขตเศรษฐกิจจำเพาะของทั้งสองประเทศในทะเลจีนใต้ และหากคำตัดสินไม่เห็นด้วยกับการกระทำของจีน กรณีนี้อาจเป็นเหตุจูงใจให้ประเทศอื่นๆ ที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนกับจีน คิดดำเนินการทางกฎหมายในลักษณะเดียวกันได้ในอนาคต หรือหากจีนไม่กระทำตามคำตัดสินของศาล จะเป็นการลดอำนาจการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ ส่งผลให้ประเทศอื่นๆไม่ปฏิบัติตามกรอบกฏหมายระหว่างประเทศ