หุ้นสหรัฐ ยุโรปร่วงหนัก

ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ปรับตัวลดลง 202 จุด หรือ 4.12 เปอร์เซ็นต์ ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 76 จุด หรือ 3.60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปตามทิศทางของตลาดหุ้นตลาดเงินทั่วโลกทั้งในยุโรป และเอเชีย หลังทราบข่าวจากอังกฤษ
แต่สำหรับอิตาลี และสเปน ซึ่งมีเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนตัวในกลุ่มยูโรโซน หรือกลุ่มที่ใช้เงินยูโรเป็นสกุลเงินหลัก ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด เมื่อตลาดที่มิลาน และมาดริด ปรับตัวลดลงมากกว่า 12 เปอร์เซ็นต์ สำหรับดัชนีซีเอซี 40 ที่ปารีส ก็ได้รับผลกระทบหนัก มีการปรับตัวลงมากกว่า 8 เปอร์เซ็นต์ ส่วนตลาดเยอรมันก็ลดลง 6.8 เปอร์เซ็นต์ สำหรับดัชนีฟุตซี่ ในกรุงลอนดอนเอง หลังจากที่ลดลงในตอนแรก 8 เปอร์ เซ็นต์ ดัชนีสามารถดีดกลับมาได้ และกลับมาปิดตลาดโดยลดลงแค่ 3.5 เปอร์เซ็นต์
แต่สำหรับค่าเงินปอนด์ เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ ปรับตัวลดลงต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2538 แต่ก็กลับมาได้ โดยขึ้นมาอยู่ที่ 1.36 ดอลล่าร์ต่อ 1 ปอนด์ นักเศรษฐศาสตร์ก็บอกว่าสภาพการณ์อาจจะย่ำแย่ต่อไปอีกหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และที่มันย่ำแย่เช่นนี้ก็เพราะการคาดการณ์ผิด ๆ ที่คิดว่า อังกฤษจะยังอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไปหลังการลงประชามติ
ด้านนายมาร์ก คาร์นี่ย์ ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ บอกว่าในช่วงที่อังกฤษเจรจาเพื่อการออกจากสหภาพยุโรปก็อาจจะเกิดปัญหาความผันผวนในทางเศรษฐกิจ แต่ทางธนาคาร ก็ได้เสนอเงิน มากกว่า 2 แสน 5 หมื่นล้านปอนด์เอาไว้สำหรับการลดผลกระ ทบ
ทางด้านมูดี้ สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจ ได้ปรับลดความน่าเชื่อถือของเศรษฐกิจอังกฤษมาอยู่ในระดับ negative โดยให้เหตุผลว่า การลงประ ชามติเพื่อถอนตัวออกมาจากสหภาพยุโรป อาจจะส่งผลกระทบกับความรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจของอังกฤษได้
โดยในขณะที่อัตราความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอยู่ในระดับ ดับเบิ้ลเอ 1 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สูง แต่ก็คาดว่าการลงประชามติทำให้ความไม่แน่นอนมีสูงขึ้น ความเชื่อมั่นลดลง การใช้จ่ายและการลงทุนจะลดลงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลง